สูตรความสำเร็จที่โรงเรียนไม่มีสอน

สูตรความสำเร็จที่โรงเรียนไม่มีสอน

สูตรความสำเร็จที่โรงเรียนไม่มีสอน

 6 พฤศจิกายน 2562 | เขียนโดย Pan Pho Team.

ผมไม่สามารถมีธุรกิจได้หรอก เพราะผมไม่มีเงินเหมือนพวกเศรษฐีพวกนั้น” นี่คงเป็นเหตุผลของใครหลายๆ คน ที่กำลังคิดที่จะเริ่มธุรกิจหรืออยากที่จะทำอะไรบางอย่างที่แตกต่าง บ่อยครั้งที่คำพูดเหล่านี้เอง กำลังทำลายไอเดียดีๆ ของคนหลายๆ คนให้เกิดขึ้นมา ในขณะที่มีคนเพียงส่วนน้อยเข้าใจอย่างชัดเจนว่า จริงๆ แล้ว “เงิน” อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ แต่สิ่งที่จะวัดว่าธุรกิจหรือเส้นทางที่คุณกำลังเลือกเดินนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จ อยู่ที่ วิธีคิด” กับ การลงมือทำ”

หากคุณมองย้อนกลับไป ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีไม่ก้าวหน้าเหมือนปัจจุบันนี้ ช่องว่างทางความรู้และทรัพยากร สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อคนที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ มีความรู้และวิธีคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเรามักจะเรียกยุคนั้นว่า ยุคอุตสาหกรรมหนัก แต่ถึงกระนั้นเอง ในปัจจุบัน คนที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของโลกเคยเป็นคน “ชนชั้นกลาง” ในยุคอุตสาหกรรมหนักมาก่อนยกตัวอย่างเช่น Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group, Steve Jobs ผู้สร้างนวัตกรรม  ที่พลิกโลกอย่าง Iphone และ Apple , Jack Ma ผู้ก่อตั้ง E-commerce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง Alibaba ซึ่งหากเทียบกับปัจจุบันนั้น คนเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้เข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรได้น้อยกว่าคนปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แล้วอะไรล่ะ ที่คนเหล่านี้มีเหมือนกัน.. คำตอบนั้น เราได้พยายามศึกษา ค้นคว้า จากคนประสบความสำเร็จทั่วโลก ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้เป็นวิธีคิดง่ายๆ ที่เรียกว่า “สูตรแห่งความสำเร็จ Success Formular” ซึ่งใช้หลักการดังต่อไปนี้

T -> F -> A -> R

ความคิด นำไปสู่ ความรู้สึก | ความรู้สึก นำไปสู่ การลงมือทำ | การลงมือทำ นำไปสู่ ผลลัพธ์

ความคิด

ความคิดเกิดมาจากไหน? หากสามารถพูดให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ความคิดเปรียบเสมือนกับพิมพ์เขียวในการสร้างบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่คุณจะต้องใช้ในการสร้างบ้านของคุณว่าจะต้องใช้วัสดุเท่าไร ต้องมีขั้นตอนการสร้างอย่างไร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และเมื่อใด หากคุณสามารถสร้างบ้านหลังแรกได้สำเร็จ บ้านหลังถัดๆ ไปของคุณก็จะสำเร็จเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็เหมือนกับความคิดของคุณ เมื่อคุณมีความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ความรัก การเงิน การลงทุน ที่ประสบความสำเร็จ คุณก็จะสามารถสร้างความสำเร็จแบบนั้นได้อย่างไม่รู้จบ ในทางกลับกัน หากคุณมีจุดใดจุดหนึ่งที่ผิดเพี้ยนในพิมพ์เขียวทางความคิดของคุณ การสร้างความสำเร็จก็จะมีจุดผิดพลาดในทุกๆ ความสำเร็จของคุณ

 

ความรู้สึก

ความรู้สึกเปรียบเสมือนเสาเข็มในการสร้างความสำเร็จของคุณ หากคุณสามารถควบคุม และสร้างความรู้สึกที่ผูกมัดความคิดคุณได้ คุณจะสามารถมีความสุขกับการคิด และใช้ชีวิตบนความคิดนั้นได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งความรู้สึกนั้น คุณสามารถสร้างได้จากเข้าถึงจุดประสงค์ของความคิดคุณ และความหมายที่คุณจำกัดความคิดคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณนึกถึงมุมมองของการลงทุน คนหลายคนมักผูกติดความกลัวไปกับความคิดในการลงทุน แต่ในเวลาเดียวกัน คุณอาจจะผูกติดความรู้สึกดีไปกับการทำธุรกิจด้วยก็ได้ ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้คุณมอง รู้สึก และลงมือทำได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย

ผลลัพธ์

ความลับแห่งการสร้างผลลัพธ์ คือการเข้าใจจริงๆ ว่าคุณต้องการที่จะมี เป็น หรือ สร้างอะไร เพื่อใคร ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่คุณเข้าใจและกระจ่างว่าการสร้างผลลัพธ์ของคุณ คือ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง  ที่คุณสนใจ  คุณก็จะสามารถเติมเต็มว่าการเดินทางสู่ความสำเร็จนั่นคืออะไร และทำไปเพื่ออะไร

เมื่อนำมาประกอบกันคุณจะสามารถเห็นได้ว่า ความสำเร็จมันมีกระบวนการที่ค่อนข้างตายตัว แต่ทำไมล่ะ? คนส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างความสำเร็จที่ตัวเองต้องการได้ เหตุผลง่ายๆ ของพวกเขา คือ การมีความคิดและมุมมองที่ถูกต้อง ดังนั้นคำถามแรกที่คุณจะ ต้องถามตัวคุณอย่างสม่ำเสมอ คือ “ทำอย่างไร ผมถึงจะมีความคิดที่ถูกต้องได้”

มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณมีเงินเท่าไหร่ แต่มันเกี่ยวกับว่า คุณมีความรู้สึกเติมเต็มหรือไม่?”

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตและการเงินของผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

เอาชนะวิกฤตเศรษฐกิจและเพิ่มยอดขาย x2 ฉบับเจ้าของธุรกิจ

เอาชนะวิกฤตเศรษฐกิจและเพิ่มยอดขาย x2 ฉบับเจ้าของธุรกิจ

เอาชนะวิกฤตเศรษฐกิจและเพิ่มยอดขาย x2 ฉบับเจ้าของธุรกิจ

21 ตุลาคม 2562 | เขียนโดย Pan Pho Team.

เปิดมุมมองการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสด้วยหลักการสร้างคุณค่าในธุรกิจและวิธีคิดแบบเหนือชั้น

หากคุณสังเกตนวัตกรรมที่อยู่รอบๆตัวของคุณ จะพบว่าถูกคิดค้นมาในช่วงศตวรรษที่ 20 กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต เครื่องบิน กล้องถ่ายรูปดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ 

 

ซึ่งนั่นเองทำให้เราปฎิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่เรียกกันว่า “ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง (Era of Changes)” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างในโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและน่าเหลือเชื่อ ต้องขอบคุณที่การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้เป็นเหมือนสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางความคิดของมนุษย์ชาติ

 

ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงที่น่าเหลือเชื่อนี้ ก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางวัฎจักรเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเช่นกัน

 

หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ วิกฤตเศรษฐกิจที่เก่าแก่ที่สุดนั้นอาจต้องย้อนกลับไปในยุคอารยธรรมโรมัน หรือประมาณ ค.ศ. 33 ที่หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นเป็นดั่งจุดเริ่มต้นของวัฎจักรเศรษฐกิจที่มีขึ้น และมีลงอยู่เรื่อยๆ จนสามารถพูดได้ว่าอัตราการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจนั้น จะเกิดขึ้นทุกๆ 500 ปี..

ซึ่งตัวเลขนี้ อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..

เกิดอะไรขึ้นกับเงินในโลกใบนี้

จนกระทั่งในศตวรรษที่ 20 ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา มีวิกฤตเศรษฐกิจมากกว่า 51 ครั้ง เกิดขึ้นทั่วโลก หรือหากคิดง่ายๆนั่นก็คือ วิกฤตเศรษฐกิจนั้นเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปีนั่นเอง

 

แน่นอนว่าวิกฤตเหล่านี้ สร้างผลกระทบให้กับชีวิตคนนับล้านทั่วโลกให้สามารถพลิกตัวเองจากคนที่มั่งคั่งให้กลายเป็นคนถังแตกได้ภายในชั่วข้ามคืน

 

แม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีนักธุรกิจต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นและสร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาลอย่างที่โลกไม่เคยพบเจอมาก่อน ไอเดียมากมายถูกนำมาทดสอบขีดจำกัดของความเป็นไปได้ และเมื่อพวกเขาทำสำเร็จ ไอเดียเหล่านั้นกลับตอบแทนพวกเขาด้วยความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และเงินทอง

 

หากจะพูดกันอย่างเข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ ในทุกๆวิกฤตนั้น ย่อมมีโอกาสเสมอ

จะพลิกวิกฤตต้องคิดไม่เหมือนคนอื่น

 

ไอน์สไตน์คือนักวิทยศาสตร์ ผู้เปลี่ยนแปลงหน้าตาวงการวิทยาศาสตร์โลกนั้น เคยได้พูดประโยคหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีคิดของคนว่า

 

“Insanity is doing the same thing over and over again, but expecting different results.”

(ความวิกลจริตคือการทำสิ่งเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา แต่คาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง)

ประโยคข้างต้นนั้น เป็นเหมือนกับเครื่องเตือนใจให้เราเป็นอย่างดีว่า หากคุณอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามที่คุณกำลังคาดหวังผลลัพธ์ใหม่ๆ คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดหรือวิธีการของคุณใหม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ

 

เช่นเดียวกันกับชีวิตของเจ้าของธุรกิจ หากคุณกำลังต้องการผลลัพธ์ใหม่ๆ คุณต้องเลิกที่จะคาดหวังกับการกระทำแบบเก่าๆ แล้วหันมาลองสิ่งใหม่ 

 

และวิธีการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่รวดเร็วที่สุดนั่นคือ “วิธีคิด”

 3 ขั้นตอนเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเอาชนะเศรษฐกิจ

หากคุณกำลังเป็นหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาทางออกให้ธุรกิจของคุณรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและฟื้นตัวกลับมาได้ในระยะเวลาอันสั้น นี่คือ 3 ขั้นตอนง่ายๆ

 

1. จำไว้เสมอว่า คุณคือทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดในธุรกิจของคุณ

หลายคนมองว่า เมื่อธุรกิจเข้าที่แล้วพวกเขาจะสามารถจ้างคนอื่นๆมาดูแลธุรกิจของเขาได้ โดยหวังว่าเขาจะทำมันได้ดีกว่า ซึ่งนั่นอาจจะจริงในบางกรณี แต่ถ้าเราย้อนกลับมาดู การพลิกล็อคบนโลกธุรกิจนั้นส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมือของผู้ก่อตั้งธุรกิจทั้งนั้น

 

และตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือกรณีการกลับมาของ Steve Jobs หลังจากถูกไล่ออกจาก Apple ในช่วงปีค.ศ. 1985 และกลับมาดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple ในช่วงปีค.ศ. 1997 โดยหลังจากที่เขากลับมา บริษัท Apple ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในปัจจุบัน บริษัท Apple มีอัตราการเติบโตที่สูงมากถึง 235 เท่านับตั้งแต่วันที่ Steve Jobs กลับมาที่ Apple เลยทีเดียว

 

2. เปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจของคุณ

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SMEs คุณคงกังวลว่าบริษัทเล็กๆ ของคุณกับการทำธุรกิจในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอาจขยับขยายไม่ได้มากนัก แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะหมดหวังและล้มเลิกธุรกิจที่คุณพยายามสร้างมาหลายสิบปี 

 

ในทางกลับกัน ช่วงเวลานี้อาจเป็นช่วงเวลาที่คุณเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของคุณไปในทิศทางใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบุกตลาดต่างประเทศ การพัฒนาระบบงาน การสร้างทีม หรือแม้แต่กระทั่งการสานสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าที่คุณมี

 

สิ่งเหล่านี้คล้ายกับเงินที่คุณหยอดไปในกระปุกอนาคต และรอโอกาสเศรษฐกิจดีมาถึง คุณจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

 

จำไว้เสมอว่า เศรษฐกิจนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว (Pattern) ที่ค่อนข้างตายตัว เมื่อมีจุดสูงสุด ก็ต้องมีจุดตกต่ำ และเมื่อผ่านจุดตกต่ำไป ก็จะมีโอกาสอีกครั้งในการสร้างผลกำไรที่มากกว่าเดิม

 

3. กลับมาพัฒนาทีมงานของคุณ

Warren Buffet คือหนึ่งในนักธุรกิจและนักลงทุนที่ใครหลายๆคนนั้นต่างชื่นชมา โดยครั้งหนึ่งเขาได้พูดว่า

 

“The most important investment you can make is in yourself.” 

(การลงทุนที่สำคัญที่สุดที่คุณทำได้ คือ ตัวคุณเอง)

 

และหากคุณนำมาปรับใช้กับตัวเอง คุณจะพบว่าแม้วิกฤตเศรษฐกิจจะเลวร้ายแค่ไหน สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือ การลงทุนในตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเริ่มลงทุนกับตัวเองด้วยการอ่านหนังสือทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย หาความรู้เกี่ยวกับการตลาด การจัดการเงิน คุณจะค่อยๆ ซึมซับเทคนิควิธีที่จะช่วยให้คุณบริหารธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ง่ายขึ้น

 

ความลับแห่งความสำเร็จเหนือวิกฤตเศรษฐกิจนั้นไม่ใช่การที่คุณมีเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม หรือมีระบบการตลาดที่เหนือชั้น แต่เป็นวิธีคิดและมุมมองของผู้นำองค์กรอย่างคุณต่างหากหล่ะที่จะเป็นเหมือนหางเสือที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้ออกจากมรสุมครั้งนี้ไปได้

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

Russian Roulette กำลังสอนอะไรเราเกี่ยวกับการเก็บเงิน

Russian Roulette กำลังสอนอะไรเราเกี่ยวกับการเก็บเงิน

Russian Roulette สอนอะไรเราเกี่ยวกับการเก็บเงิน

23 กันยายน 2562 | เขียนโดย Pan Pho Team.

ถอดบทเรียนทางการเงินสู่การพนันทางการเงินที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเล่นโดยไม่รู้ตัว

คุณอาจจะเคยผ่านตากับฉากในภาพยนต์ที่ต้องการสื่อถึงการเดิมพันด้วยชีวิต เราอาจจะนึกถึงการพนันที่เรียกว่า “Russian Roulette” ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบความท้าทายกับโชคชะตาของตัวเองด้วยการนำกระสุนหนึ่งนัดใส่ลงไปในรังเพลิง จากนั้นก็พลัดกันสุ่มลั่นไก หากคนไหนโชคดี พวกเขาอาจจะรอดจากเกมมฤตยูนี้ไปได้ แต่หากคนไหนโชคร้าย พวกเขาอาจจะต้องจบชีวิตลงตรงนั้นอย่างไม่มีทางเลือก

จริงอยู่ที่ฉากเหล่านี้เกิดขึ้นในโลกแห่งภาพยนต์และอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดูไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกันนั้น บนโลกแห่งความเป็นจริงที่ทุกคนนั้นต่างทำงานหนักเพื่อเงินทองและชื่อเสียง พวกเขาอาจจะยังไม่รู้ตัวอยู่ว่าการกระทำต่างๆที่พวกเขาทำนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปกับการเล่น Russian Roulette เลย แต่เพียงเปลี่ยนจากกระสุนหนึ่งนัดในรังเพลิง เป็นเงินเก็บของพวกเขาก็เท่านั้น

ทำงานหนัก เก็บเงิน เพื่อจะได้สบายในบั้นปลาย

คุณเคยได้ยินคำสอนที่ว่า “ทำงานหนักและเก็บเงินไว้ เพื่อที่จะได้สบายในยามบั่นปลายของชีวิต” ประโยคข้างต้นนี้ เป็นคำสอนที่คนรุ่นเก่าๆ ส่งต่อกันมา

จากงานศึกษาจาก University of Utah ทำการเก็บข้อมูลว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะลงหลักปักฐานแล้วฐานนั้นมั่นคงคือช่วงอายุที่ 28 ปี และอายุ 32 ปี หรืออีกนัยหนึ่ง นี่ช่วงเวลาที่คุณจะต้องทำงานอย่างหนัก เก็บเงิน สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง

และหลังจากนั้น สิ่งที่คุณคาดหวังหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการทำงานอย่างหนักหน่วง คือช่วงเวลาที่คุณจะได้มีเวลาอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจากเงินที่ตัวเองหามาได้ในตลอดเวลาที่ตัวเองทำงาน ซึ่งช่วงนั้นเรียกว่า “วัยเกษียณ

นี่คือสิ่งที่เราถูกสอนมากันเป็นเหมือนถูกตั้งโปรแกรมในจิตสำนึกเราว่านี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้มีความสุข สงบ และปลอดภัยจนกระทั่งคุณจากไป..

แต่รู้หรือไม่ว่า ความคิดที่ว่านี้คือกระสุนนัดแรกที่พร้อมที่จะทำลายชีวิตของคุณในยามที่คุณไม่พร้อมที่สุด..

เมื่อความโชคดีที่มากเกินไป คือคำสาป

อย่างที่หลายคนมักถูกสอนว่า เราจะต้องวางแผนเกษียณด้วยการเก็บเงินให้กับตัวเองตั้งแต่วันนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีที่เราเตรียมตัวเองให้พร้อมในวันที่เราแก่ชราลง เราอาจจะวางแผนการเงินให้ตัวเองเพียงพอกับการใช้ชีวิตอยู่ภายใน 20 ปีสุดท้ายของชีวิต 

นั้นหมายความว่าคุณจะเกษียณตัวเองจากหน้าที่การงานของคุณในวัย 60 ปีและใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขพร้อมกับเงินเก็บที่คุณมีจนกระทั่งวัย 80 ปีอย่างที่คุณตั้งใจไว้

แต่ถ้าสมมุติว่า.. คุณอายุยืนกว่า 80 ปีหล่ะ..

สิ่งหนึ่งที่คนวางแผนเกษียณส่วนใหญ่ลืมไปก็คือ พวกเขามักวางแผนชีวิตตัวเองให้ “พอดี” กับอายุที่พวกเขาคิดว่าจะอยู่ถึง จนกระทั่งลืมไปว่า อนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และความไม่แน่นอนนี่เอง ที่จะทำให้สิ่งที่พวกเขาคิดนั้น อาจไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก

ในบั้นปลายชีวิตของเรานั้น คือช่วงเวลาที่เราจะมีความสุขกับการมีชีวิตอยู่ แต่บางครั้ง นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่คนหลายคนหวาดกลัวที่สุดก็เป็นได้

การมีเงินทำให้คุณมีคือทางเลือกที่มากขึ้น

หากในอนาคต มีบริษัทยาที่สามารถทำให้คุณมีอายุยืนยาวต่อไปได้อีก 30 ปีโดยไม่ป่วยไม่ไข้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรับยาตัวนี้เป็นเงิน 30 ล้านบาท คุณจะรับยาตัวนั้นหรือไม่?

แน่นอน” คือคำตอบที่คนหลายๆคนคิดอยู่ในหัวของตัวเอง…

แต่ในความเป็นจริง มีคนมากมายต้องจำใจที่ปฎิเสธทางเลือกดีๆเหล่านี้ เพียงเพราะว่าพวกเขา “มีเงินเก็บไม่เพียงพอ” กับโอกาสที่พวกเขาถูกหยิบยืนมาให้

ด้วยเหตุนี้เอง การเก็บเงินโดยขาดแนวคิดที่ถูกต้องนั้น อาจเป็นเหมือนการพนันทางการเงินแบบหนึ่งที่คุณเองถูกบังคับให้เล่นไปโดยไม่รู้ตัว

 

ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะออกจากเกมพนันทางการเงิน สิ่งที่คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุดคือ วิธีคิดที่คุณมองเกี่ยวกับการเงิน

3 แนวคิดง่ายๆ ที่คนรวยใช้ในการวางแผนเกษียณ

หากคุณกำลังกลัวและคิดที่จะออกจากการพนันทางการเงินที่น่ากลัวนี้ นี่คือแนวคิดทางการเงินง่ายๆที่คุญสามารถนำไปใช้ได้ในทันที

สร้างระบบที่ทำงานหนักให้กับคุณ

ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังเก็บเงินเพื่อที่จะนำมาใช้ในวัยเกษียณ คนรวยส่วนใหญ่มักมองเงินเก็บที่ตัวเองมีเป็นเหมือนดั่งเงินลงทุนก้อนหนึ่งที่พวกเขาใช้ในการสร้างระบบที่จะทำงานและสร้างรายได้ให้กับพวกเขาอย่างสม่ำเสมอในตลอดบั่นปลายชีวิตของพวกเขา

คุณอาจจะมองว่าการสร้างระบบที่ทำงานหนักให้กับคุณนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากสำหรับหน้าที่ หรือธุรกิจที่ตัวเองทำ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับการสร้างระบบนั่นก็คือ ระบบนั้นสามารถนำไปใช้ได้กับทุกพื้นที่ของชีวิตคุณ เพียงแต่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทในตอนแรกเท่านั้น

ดังนั้น หากคุณคิดที่จะมีความสุขและมั่นคงได้ในยามเกษียณ คุณจะต้องเริ่มตั้งคำถามให้กับตัวเองแล้วว่า ทำอย่างไรธุรกิจของคุณถึงสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งกับมัน

กระจายความเสี่ยง

ในหลายครั้ง เรามักจะลงทุนบางสิ่งที่เราแน่ใจว่าจะสร้างผลตอบแทนให้กับเราได้อย่างมากมายมหาศาลในอนาคต แต่แน่นอนหล่ะว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” ซึ่งนั่นเองอาจหมายถึงการเอาเงินของคุณไปเสี่ยงกับความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลใหญ่หลวงกับชีวิตของคุณ

ในขณะเดียวกัน คนรวยส่วนใหญ่มักใช้โอกาสนี้ในการมองหาวิธีการที่จะกระจายความเสี่ยงของตัวเองออกไป เพื่อให้แน่ใจว่า หากวันใดวันหนึ่ง ช่องทางการลงทุนที่เขาได้สร้างไว้เกิดวิกฤต เขาก็ยังสามรถพึ่งพาตัวเองได้จากช่องทางอื่นๆนั่นเอง

เพราะฉะนั้น การกระจายความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดนั้นคือ วิธีคิดที่สำคัญอย่างหนึ่งหากคุณต้องการสร้างความมั่นคงในโลกแห่งความไม่แน่นอนนี้

อย่าเก็บเงิน แต่จงบริหารเงินของคุณ

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ทำงานอย่างหนักเพื่อประหยัดอดออม เก็บเงินอย่างมัธยัธถ์ บางครั้งพวกเขาอาจลืมไปว่า ชีวิตพวกเขานั้นก็ต้องมีความสุขในการพักผ่อน ท่องเที่ยวบ้าง รวมไปถึงการขยับขยายฐานะของตัวเองบ้าง เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน เป็นต้น

และแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ต่างต้องใช้เงิน.. 

คนรวยส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงที่จะประหยัดและอดออม เพราะเขาเชื่อว่านี่คือ วิธีคิดนี้สิ่งที่ไม่ยั่งยืน หากเราต้องการมีชีวิตและไลฟ์สไตล์ในแบบที่อยากได้ แต่ในทางกลับกัน พวกเขามักเลือกที่จะบริหารจัดการเงินที่พวกเขามีตั้งหากหล่ะ

สิ่งที่แตกต่างระหว่างออมเงินกับบริหารเงินนั้นคือ คนส่วนใหญ่นั้นเก็บเงินหลังจากที่พวกเขาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่า พวกเขาจะออมก็ต่อเมื่อมีเงินเหลือพอเท่านั้น

ในขณะเดียวกันนั้นคนรวยมักจะนำเงินที่พวกเขาได้จากการทำธุรกิจหรือการลงทุน แบ่งสรรค์เพื่อใช้ในพื้นที่ต่างๆของชีวิต ซึ่งนั่นครอบคลุมทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ค่าไปเที่ยว เงินลงทุน เงินเกษียณ เงินสำหรับการศึกษา ฯลฯ 

มีคำพูดคำพูดหนึ่งที่ T.Harv Eker ปรมจารย์ด้านความสำเร็จทางการเงินได้พูดไว้ นั่นก็คือ “Don’t play the victim to circumstances you created” (อย่าเล่นบทเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ที่คุณเป็นผู้สร้างเอง) ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังท้อแท้และโทษโชคชะตา มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่กล้าลงมือทำและเปลี่ยนตัวเอง 

หากคุณต้องการที่จะออกจากการพนันทางการเงินนี้ ไม่มีใครช่วยเหลือคุณได้ดีไปกว่าตัวคุณเอง เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่กำหนดชะตากรรมทางการเงินของคุณในอีก 5 ปี 10 ปี หรือตลอดชีวิตของคุณนั้นไม่ใช่การศึกษาที่คุณมี ไม่ใช่ฐานะที่คุณได้รับ แต่เป็นวิธีคิดที่คุณมองชีวิตของคุณตั้งหากหล่ะ

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

อย่าให้ใครฆ่าห่านทองของคุณ

อย่าให้ใครฆ่าห่านทองของคุณ

อย่าให้ใครฆ่าห่านทองของคุณ

23 กันยายน 2562 | เขียนโดย Pan Pho Team.

ถอดบทเรียนจากนิทานอีสป ‘The Golden Goose’ ความสำเร็จไม่เคยเป็นเรื่องยากเพียงแค่เปลี่ยนวิธีคิด

คุณเคยมีความคิดเหล่านี้เข้ามาในความคิดของคุณไหม? ฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยไม่กี่สตางค์ ไม่ต้องฝากหรอกหรือ จะเก็บเงินไว้ทำไม เมื่อไหร่ถึงจะได้ใช้เงินกัน” หรือ “ใช้เงินไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาใหม่หากคุณมีความคิดไม่ต่างจากประโยคข้างต้น นั่นหมายความว่า ในอนาคตคุณจะไม่มีเงินเหลืออยู่ในมือสักบาทเดียว แล้วสิ่งที่คุณทำอยู่มันแปลกตรงไหน? ใครๆ ก็ทำกันไม่ใช่หรอ? เพราะเหตุนี้ไงที่ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดปัญหาทางการเงิน

นิทานสอนใจเรื่องการเงินที่คุณอาจเคยได้ยินมาแล้ว

เรื่องเงินๆ ทองๆ เกี่ยวข้องกับมนุษย์มานานหลายศตวรรษ เห็นได้ชัดจาก ‘นิทานอีสป’  เรื่องเล่าผ่านการกระทำของมนุษย์และสัตว์ นอกจากความบันเทิง ยังแฝงไปด้วยบทเรียนอันแสนมีค่า คุณอาจเคยฟังแล้วปล่อยผ่าน ไม่ได้เอะใจเลยสักนิด 

 

แล้วนิทานอีสปที่คุณเคยฟังก่อนนอนตอนเด็ก มันเกี่ยวอะไรกับการเงิน? หลายคนคงเคยได้ยินนิทานเรื่อง “The Golden Goose อภินิหารห่านทองคำ”  แต่เชื่อไหมว่าอาจจะมีสักช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่ตัวคุณเองกลายเป็นตัวละครในนิทานเรื่องนี้

 

ชาวนาเลี้ยงห่านเพื่อหวังเก็บไข่ไว้ขาย วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นไข่ทองคำสีเหลืองทองอร่าม จึงนำไปขายทุกวันจนร่ำรวย แต่แล้ววันหนึ่งเขาอยากมีเงินทองมากกว่านี้ เขาคิดว่าในท้องห่านนั่นต้องมีไข่ทองคำอยู่มากแน่ๆ จึงตัดสินใจผ่าท้องห่าน สิ่งที่เขาพบกลับเป็นเพียงความว่างเปล่า.. ไม่มีแล้วไข่ทองคำ ไม่มีแล้วห่าน ไม่เหลืออะไรเลย เขาสูญเสียรายได้อย่างถาวร กลับกลายเป็นเหมือนความสุขเพียงชั่วครู่เท่านั้น

นี่อาจจะฟังเหมือนนิทานปรัมปราทั่วๆไป ที่คุณมักคิดว่า ชาวนานั้นไม่ฉลาดเอาเสียเลย แต่ในความเป็นจริงนั้น มีใครหลายๆ คนในโลกนี้เอง ที่ทำตัวเหมือนกับชาวนาคนนั้นอย่างไม่รู้ตัว

แล้วทำไมใครหลายๆคนถึงยังเป็นอย่างชาวนาคนนั้นอยู่หล่ะ?

ทำไมชาวนาถึงมีวิธีคิดและทำอย่างนั้น? จากความคิดง่ายๆ ห่านออกไข่ทุกวัน ในท้องมันต้องมีไข่ทองคำเป็นกอบเป็นกำ ชาวนาหวังเพียงอยากมีเงินใช้ให้ทันใจ ยกตัวอย่างเช่น คุณฝากเงินไว้ในธนาคาร แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มใช้จ่ายเกินตัวและเป็นหนี้สิน เมื่อนั้นคุณจึงตัดสินใจหยิบเงินในธนาคารของคุณออกมาใช้ และสูญเสียเงินทั้งหมดในที่สุด ปัญหาอยู่ที่การบริหารจัดการเงิน 

ต้นตอปัญหาที่สำคัญที่สุดมาจาก “วิธีคิด” ของคุณต่างหาก ในทางกลับกันถ้าชาวนาเลือกฟูมฟักไข่ห่านให้ออกลูกออกหลานอีก 5 ตัว 10 ตัว คุณจินตนาการออกไหมว่ามันจะกลายเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมกว่าผ่าท้องห่านแค่ไหน แม้จะได้เงินช้า แต่มีรายได้อย่างยั่งยืน หากวันนี้คุณยังคงฝากเงินในธนาคารต่อไปเรื่อยๆ ดอกเบี้ยจำนวนน้อยนิดที่คุณรังเกียจมัน จะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น อย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นเงินก้อนโตในที่สุด

มันไม่สำคัญที่คุณมีเงินเท่าไหร่ แต่สำคัญที่วิธีการคิดของคุณ

ถ้าคุณเคยมองว่าทุกปัญหาเป็นเรื่องใหญ่เกินจะรับมือไหว จงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ทุกปัญหาที่เข้ามาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในชีวิต ไม่มีความสำเร็จใดอยู่ในมือคนที่หนีปัญหา แต่ความสำเร็จมักวิ่งเข้าหาคนที่พร้อมท้าชนกับอุปสรรคและปัญหาที่ถาโถม

 

ถ้าคุณเคยอยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่อยากทำงานหนัก จงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ คุณจะทุ่มเทและทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จสิ่งที่คุณต้องทำ คือมุ่งมั่นสร้างฐานะ อย่ารีรอหรืออ้อนวอนต่อพระเจ้า ‘ให้ฉันรวยเร็ววันเร็วคืนด้วยเถิด’ แต่อย่างที่คุณรู้ดี เงินทองไม่ได้หล่นจากฟ้าเสียหน่อย 

 

ถ้าคุณเคยคิดว่าชีวิตฉันถูกฟ้าลิขิตให้เป็นแบบนี้จงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ คุณจะเป็นคนลิขิตชะตาชีวิตของตัวเอง คนประสบความสำเร็จทุกคนมักกระโจนเข้าไปหาความรู้และคลุกคลีกับการเงิน ไม่มีคนประสบความสำเร็จที่ไหนนั่งรอให้โชคหล่นทับ หรือมัวแต่ลุ้นล็อตเตอรี่ทุกต้นเดือนหรอก

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณเคยมีความคิดแบบคนทั่วไป เพราะระบบความคิดที่ถูกปลูกฝัง หรือเรียกอีกชื่อว่า Mindset ระบบเหล่านี้ถูกหล่อหลอมจากครอบครัว สภาพสังคม และประสบการณ์ที่เคยพบเจอ ล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณโดยไม่รู้ตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องเงินๆ ทองๆ 

 

ยกตัวอย่าง ถ้าพ่อแม่ของคุณเป็นคนไม่รู้จักเก็บออม หาเงินได้เท่าไหร่ก็ใช้เสียหมด คุณเห็นภาพการจ่ายเงินซ้ำๆ นั่นทำให้มีความเป็นได้สูงที่คุณจะมีนิสัยการใช้เงินแบบเดียวกับครอบครัวหรือคนใกล้ตัวของคุณอย่างไม่ผิดเพี้ยน และนั่นเองอาจเป็นสิ่งที่ขวางกันคุณจากชีวิตที่คุณต้องการ

ความสำเร็จขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณ

คุณอาจเป็นคนที่เคยคิดว่าการประสบความสำเร็จมักต้องแลกกับการไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำงานหนัก ร่างกายย่ำแย่ สุขภาพจิตเสีย ความคิดเหล่านั้นเองจะเป็นตัวที่บ่งบอกว่าคุณจะสามารถประสบความสำเร็จได้มากน้อยเพียงไหน ในขณะที่ความเป็นจริงแล้วยิ่งคุณประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ คุณยิ่งมีเวลาว่างให้ทั้งตัวเองและครอบครัวมากเท่านั้น 

 

เช่นเดียวกับนิทานที่คุณได้อ่านไป คนส่วนใหญ่นั้นเลือกที่จะฆ่าห่านของพวกเขา เพียงเพราะว่าพวกเขาโลภและต้องการความสำเร็จแบบเร่งด่วน ในขณะที่คนที่ประสบความสำเร็จนั้นมี Mindset ที่มองการณ์ไกลและอดทน ซึ่งนั่นเองเป็นเหตุผลให้คนเหล่านี้มีห่านทองคำนับร้อยนับพันตัว 

 

คุณอาจคิดว่าคุณเป็นคนที่โชคร้าย และดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่ค่อยส่งเสริมคุณเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น ความสำเร็จนั้นไม่เคยเป็นเรื่องของโชคชะตา และไม่ว่าคุณเป็นใคร มีอาชีพอะไร หรือเกิดมาร่ำรวยหรือยากจน ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะว่า ความสำเร็จเป็นเรื่องของวิธีคิด และวิธีคิดนั้นสามารถเรียนรู้กันได้

 

จากประสบการณ์การทำธุรกิจที่พลิกจากความล้มเหลวกลายเป็นความสำเร็จของ T.Harv Eker ผู้เขียนหนังสือ The Secret of Millionaire Mind ทำให้เขาวิเคราะห์สาเหตุและค้นพบว่า ความล้มเหลวที่ผ่านมาสามารถแก้ไขได้ด้วย Money Mindset นั่นเอง เขาจึงอยากถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ผ่านงานสัมมนา Millionaire Mind Intensive  โดย T.Harv Eker ที่จะช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของคุณใหม่ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยกระดับการเงินแบบก้าวกระโดดทั้งในด้านการหาเงิน การลงทุน และการบริหารจัดการเงิน 

 

ความสำเร็จทางการเงินขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณ ถ้าคุณคิดแบบผิดๆ ไม่ว่าคุณจะมีห่านในมือเป็นร้อยเป็นพันตัว ก็เป็นเรื่องยากที่จะไปถึงเส้นชัยของความสำเร็จ แต่หากคุณทำความเข้าใจวิธีคิดและปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองที่มีต่อเงิน  จากชาวนาที่ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ห่าน “คุณอาจกลายเป็นเศรษฐีไข่ทองคำก็ได้” ใครจะไปรู้กันหล่ะ

  

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

5 เทคนิคสู่การเป็น Vlogger ระดับโลกจาก Nas Daily

5 เทคนิคสู่การเป็น Vlogger ระดับโลกจาก Nas Daily

5 เทคนิคสู่การเป็น Vlogger ระดับโลกจาก Nas Daily

18 กันยายน 2562 | เขียนโดน Pan Pho Team.

ในปัจจุบัน กระแสของการทำวิดีโอลงบนโลกโซเชียลมีเดีย ในแพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ Youtube, Facebook, Instagram นั้นกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากความสะดวกสบายของเทคโนโลยีต่างๆรอบตัว ทั้งในฝั่งของผู้รับชมวิดีโอ(Audience) หรือ ผู้ผลิตเนื้อหา (Content Creator) นั้นต่างตื่นตัวและตอบรับกระแสนี้เป็นอย่างดี จึงทำให้ในปัจจุบัน มีคนจำนวนไม่น้อยใช้มันเป็นประโยชน์ในการสร้างความน่าสนใจ และทำรายได้ให้กับพวกเขาได้อย่างมหาศาล

NAS DAILY คือใคร?

“NUSEIR YASSIN” หรือ “NAS” รู้จักกันดีในฐานะของผู้จัดรายการ “NAS DAILY” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับแรงบันดาลใจและการท่องเที่ยว เขาออกเดินทางไปบนโลกกว้าง โดยที่เขาได้ให้สัญญากับตัวเองว่าจะนำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในแต่ละวันจากการเดินทางของเขา มาแบ่งปันผู้คนบนโลกโซเชียล วันละ 1 ตอนโดยภายใน VDO มีความยาวเพียงแค่ 1 นาที ปัจจุบันมีผู้ติดตามเพจของ NAS DAILY แล้วมากกว่า 13 ล้านคนภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วนั้น วิดีโอของ NAS DAILY มีการรับชมมากกว่า 5 ล้านครั้ง

หลายต่อหลายคนนั้นอาจคิดว่าระยะเวลาเพียงแค่ 1 นาที จะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่สำหรับ NAS และรายการของเขา NAS DAILY ทุกอย่างถูกวางแผนและคิดมาเป็นอย่างดีจนสามารถบีบสาระสำคัญให้เหลือเพียงแค่ 1 นาที โดยที่เนื้อหายังคงคุณภาพและเอกลักษณ์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาคุณไปพบกับหลักการทำคอนเทนต์ วิดีโอ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ NAS DAILY ใน 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เริ่มต้นจากคำว่า “YOU”

วิดีโอกว่า 1,000 ตอนของ NAS เราจะพบว่าในเกือบทุกวิดีโอนั้น NAS จะให้ความสำคัญว่าผู้ฟัง หรือ ผู้รับชมวิดีโอนั้น จะได้อะไรจากการดูวิดีโอนี้ หรือ หลังจากการดูวิดีโอนี้จนจบแล้ว ผู้รับชมควรจะได้รับความรู้หรือข้อคิดอะไรบ้าง ในทุกๆ ครั้งที่วิดีโอจบ เราจะได้เรียนรู้ถึงมุมมองของคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นได้อย่างชัดเจนและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เนื้อหาของวิดีโอในแต่ละตอนนั้น สามารถสร้างบทสนทนาและความทรงจำดีๆ ได้อย่างมีคุณค่า

เคล็ดลับ : สำหรับการทำวิดีโอนั้น เริ่มคิดจากว่าใครคือบุคคลที่คุณคิดว่าจะมาดูวิดีโอของคุณ และเมื่อผู้รับชมวิดีโอได้รับชมวิดีโอของคุณแล้ว เขาจะรู้สึกหรือได้ข้อคิดอะไรกลับไปจากเวลาที่เขาเสียไป โปรดจำไว้เสมอว่าหากคุณให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณมี คุณจะไม่ได้รับความสนใจใดๆจากผู้รับชมอย่างแน่นอน

2. 8 วินาทีแรกแห่งการสร้างสัญญา

สำหรับวิดีโอของ NAS DAILY นั้น ได้ให้ความสำคัญกับ กฎ 8 วินาทีแรกของวิดีโอ โดยที่เขานั้นได้ใช้เวลา 8 วินาทีแรกในส่วนของกระบวนการที่เรียกว่า “Preframing” หรือเป็นการสร้างสัญญากับผู้รับชมโดยพูดถึงว่าใน 1 นาทีต่อจากนี้ ผู้ชมจะได้เรียนรู้หรือได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง ซึ่งช่วยทำให้วีดิโอของ NAS DAILY นั้นสามารถสร้างความต่อเนื่องและไม่เคยทำให้ใครผิดหวังอย่างแน่นอน !!

เคล็ดลับ : ในช่วงแรกของวีดิโอนั้น การ Preframing คือการที่จะช่วยทำให้ผู้รับชมนั้นสามารถตั้งความคาดหวังได้เท่ากับที่เราอยากจะให้พวกเขาคาดหวัง ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้ผู้รับชมเกิดความเข้าใจในบริบทและรับรู้ถึงความเป็นเนื้อแท้ของเนื้อหาในวิดีโอได้มากขึ้น

3. ความสม่ำเสมอคือหัวใจ

ความสม่ำเสมอ (Consistency) คือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการทำวีดิโอให้เป็นที่น่าสนใจ นั่นจึงเป็นหนึ่งในอีกตัวตัดสินว่าวีดิโอหรือคอนเทนต์ของคุณนั้นจะสามารถสร้างกลุ่มฐานแฟนคลับได้หรือไม่ ซึ่งถึงแม้ว่า Algorithm ของ Facebook นั้นจะทำให้ Organic Post นั้นน้อยลงอย่างต่อเนื่องใน 4-5 ปี ที่ผ่านมานี้ แต่สำหรับ NAS DAILY นั้น วิดีโอของเขานั้น ไม่มีการซื้อโฆษณา แม้แต่น้อย แต่เป็นการอาศัยความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอในทุกๆวัน วันละ 1 นาทีเท่านั้น

เคล็ดลับ : จำไว้เสมอว่าคุณจะต้องสร้าง Commitment ในการถ่ายทอดวิดีโอของคุณอย่างสม่ำเสมอ แต่ถึงอย่างนั้น คุณก็ไม่จำเป็นที่ต้องโพสต์วิดีโอหรือคอนเทนต์ทุกๆวัน แต่คุณอาจจะเริ่มจากสัปดาห์ละหนึ่งครั้งหรือเดือนละหนึ่งครั้งก็ได้ เพียงแต่ว่า คุณจะต้องให้ความสำคัญจากการทำทีละเล็กๆอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง Momentum ให้เกิดขึ้น

4. ทำให้สั้นเข้าไว้

ปัญหาของคนทำวีดิโอมือใหม่ส่วนมากนั้นคือการที่ตัวเองทำ Script ให้ครอบคลุมเนื้อหาที่จะพูดมากที่สุด สำหรับวิดีโอของ NAS ได้กำหนดไว้เสมอว่าวิดีโอนั้นจะต้องไม่เกิน 1 นาที ซึ่งนั่นอาจจะฟังดูสั้นไปสำหรับใครหลายต่อหลายคน แต่ NAS ก็ได้จำกัดวิดีโอนั้นไว้ที่ 1 นาทีตั้งแต่วิดีโอแรกที่เขาปล่อยลงใน Facebook จนถึงวิดีโอสุดท้าย นั่นเป็นเพราะว่า เขาต้องการที่จะทำให้เนื้อหานั้นมีความชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ยืดเยื้อ

เคล็ดลับ : คุณอาจจะไม่ต้องทำให้เหลือเพียงแค่ 1 นาทีเหมือนกับ NAS แต่อาจจะทำการวาง Bullet Point ของเนื้อหาให้ชัดเจน และเรียงลำดับการพูดไม่ให้ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจำกัดเนื้อหาที่คุณในระยะเวลาที่คุณต้องการมาก ซึ่งโดยมากนั้นไม่ควรเกิน 3-5 นาที

5. ทำให้สนุกเข้าไว้

สำหรับ Video ที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทางของ NAS นั้น คุณจะเห็นได้ว่า สิ่งที่ทำให้ NAS สามารถทำวิดีโอของเขาได้ทุกๆวัน นั่นคือ เขาได้แบ่งปันประสบการณ์และได้มีส่วนร่วมต่อผู้อื่นตลอดการเดินทาง ซึ่งสำหรับเขาแล้วนั้น ถือเป็นสิ่งที่เขามีความสนใจมานานนั่นเอง

เคล็ดลับ : พยายามทำให้คอนเทนต์หรือวิดีโอของคุณนั้นเป็นเหมือนอีกช่องทางหนึ่งที่คุณมีความสุขที่จะได้ทำมัน เพราะหากคุณฝืนทำในสิ่งที่คุณไม่ได้รักมันจริงๆ ผู้รับชมและฐานแฟนของคุณจะรู้สึกได้

สุดท้ายนี้ “NUSEIR YASSIN” หรือ “NAS” นั้นอาจจะเป็นเน็ตไอดอลของใครหลายต่อหลายคน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยอมรับและรู้สึกเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้พิเศษหรือเด่นไปกว่าใคร และสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นนั้น ไม่ใช่เพียงแค่วิธีการที่เขาเล่าเรื่อง หรือ ทำวิดีโอเท่านั้น แต่ NAS เชื่อเสมอว่าหน้าที่ของเขาคือการนำเสนอแง่มุมความเป็นมนุษย์ให้คนได้รับรู้มากที่สุด

เรียนรู้เคล็ดลับการสร้างยอด Followed 13 ล้านคน – 25 ล้าน View ผ่านโซเชียลมีเดียกับ Nas Daily ตัวจริง ได้ที่งาน Masters Of The Century ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์การประชุมซันเทค ประเทศสิงคโปร์ โดยในงาน คุณจะได้ฟังถึงประสบการณ์ของ NAS DAILY อย่างใกล้ชิดแน่นอน

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

6 Step เปลี่ยนพฤติกรรมการออมเงินฉบับเร่งรัด

6 Step เปลี่ยนพฤติกรรมการออมเงินฉบับเร่งรัด

ในปัจจุบันค่าครองชีพในบ้านเราพุ่งสูงขึ้นมากแทบจะทุกเรื่อง บางคนมีเก็บแต่ไม่ใช้ บางคนมีใช้แต่ไม่เก็บ คำถามคือ “แล้วจะทำอย่างไรให้มีใช้และมีเก็บล่ะ” เพราะค่าใช้จ่ายทุกวันนี้แทบจะไม่เหลือเงินเก็บเลย ไหนจะค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าบ้าน ค่ารถ ฯลฯ พฤติกรรมการใช้เงินของคุณ อาจเป็นปัญหาใหญ่ วันนี้เราจะมาหาทางออกให้คุณกับบทความนี้ ซึ่งจะแบ่งตาม step ต่อไปนี้

Step 1 เก็บให้เร็ว เซฟให้ไว

วิธีนี้คือนวิธีที่ง่ายที่สุด โดยหักรายได้ที่เข้ามาให้เป็นเงินออมอัตโนมัติ คือการเก็บเงินออม 10 – 25 % จากรายได้ ห้ามนำออกมาใช้โดยเด็ดขาด! จะมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราสามารถนำเงินออมไปลงทุนได้อีกด้วย

Step 2 พกเงินให้น้อย ใช้สอยอย่างประหยัด

วิธีนี้ใช้สำหรับคนที่ใช้เงินเก่ง แต่เก็บเงินไม่เก่ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้ โดยกำหนดวงเงินขึ้นมาที่จะใช้จ่ายในแต่ละวัน หากวันไหนเหลือให้นำไปหยอดกระปุก ซึ่งเป็นการออมเงินไปในตัวเองอีกด้วย ส่วนใครที่มีวินัยการออมในตัวอยู่แล้ว อาจจะกำหนดวงเงินเป็นรายสัปดาห์แทนได้

Step 3 งดใช้บัตร Credit เปลี่ยนมาใช้เงินสดแทนดีกว่า

ในส่วนของการใช้บัตร ATM ประเภท Credit Cards เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เงินรั่วไหลอย่างรวดเร็ว สำหรับวิธีนี้สำหรับคนที่ชอบกระหน่ำช็อป จนไม่ลืมหูลืมตา ควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้ ต้องแก้ไขโดยการงดใช้บัตรเครดิตในการช็อปปิ้ง เพราะมันจะสร้างพฤติกรรมรูดบัตรอย่างไม่รู้ตัว ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุ ทำให้เป็นหนี้ต่าง ๆตามมาทีหลัง

Step 4 เอาชนะใจตัวเอง ไม่ยึดติด Brand name จนเกินไป

การวางแผนการเงินสำหรับสิ่งที่เราต้องการในอนาคตข้างหน้า อาทิเช่น เพื่อไปเรียนต่อ , การแต่งงาน , ค่ารักษาโรงพยาบาล โดยที่เป้าหมายมีระยะเวลาตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจจะเป็น 2ปี 5ปี 10ปี ฉะนั้นเราต้องควบคุมวินัยตนเองอย่างสม่ำเสมอ ความต้องการต่าง ๆ ก็เช่นกัน ต้องย้ำตัวเองเสมอว่าออมเงินไปเพื่ออะไร หรือพูดง่าย  ๆ คือ เอาชนะใจตัวเองโดยการตั้งเป้าหมายนั่นเอง

Step 5 งดซื้อของทางออนไลน์

หลายคนคงมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่บ่อยๆ แค่จิ้มนิ้วไปก็ได้ของที่อยากได้มาครอบครอง จนลืมไปว่าเงินในบัญชีก็ลดลงเช่นกัน หากเป็นต่อไปแบบนี้การออมเงินคงเป็นแค่ความฝัน ดังนั้น คุณควรจะคิดเสมอว่าอะไรที่มีอยู่แล้วก็ควรจะพอ ไม่ซื้อของซ้ำๆ หรือถ้าอยากได้มากจริงๆ ควรจำนวณค่าใช้จ่ายออกมาให้ตัวเองเห็นตัวเลขเยอะๆ คุณจะมีความอยากน้อยลง อีกวิธีหนึ่งคือหักดิบ ลบแอพพลิเคชั่นทิ้งไปเลย

Step 6 ปาร์ตี้สังสรรค์ให้น้อยลง

ทำงานมาหนักก็อยากพักผ่อนโดยการไป Hangout กับเพื่อนสักหน่อย แต่ถ้าหากบ่อยมากไปจะทำให้คุณหมดค่าใช้จ่ายไปโดยไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นพฤติกรรมเหล่านี้ถ้าหยุดไม่ได้ก็ควรลดลง สัก 2อาทิตย์ต่อครั้งก็ยังดี หรือหันมาทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน เช่น ออกกำลังกาย หรือทำอาหารทานกันเองสังสรรค์กับที่บ้านก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้มาก แถมยังได้ทำกิจกรรมมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นอีกด้วย

การบริหารจัดการเงิน มีความสำคัญมากในชีวิต จะเห็นได้ว่าการออมเงินนั้นไม่ได้ยากอะไรเลย เพียงแค่คุณตั้งเป้าหมาย และมีระเบียบวินัย เท่านี้คุณก็จะมีเงินออมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน..

ทีมงาน PAN PHO | ภารกิจของเรา คือ การยกระดับชีวิตด้วยความรู้คุณภาพ  เราคัดสรรความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ที่มีผลลัพธ์  เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมายตลอด 18 ปีที่ผ่านมา และเราจะไม่หยุดเพียงแค่นี้!!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก