12 ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน
12 ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน
6 พฤษภาคม 2563 | เขียนโดย Pan Pho Team. – ใช้เวลาในการอ่านประมาณ 10 นาที
เส้นแบ่งอันยิ่งใหญ่ระหว่างของคนรวยและคนจน มันไม่ใช่แค่เรื่องของเงินในบัญชีของคนทั้งสองประเภท แต่สิ่งที่สำคัญคือ “ความคิดและการกระทำ” ซึ่งเป็นตัวกำหนดความมั่งคั่งและความยากจน
ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์ ผู้เขียนหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” ที่ติดอันดับหนังสือขายดีในไทยและใน New York Time – ได้กล่าวไว้ว่า คุณสามารถเลือกที่จะเป็นคนรวยหรือเลือกเหยื่อของความยากจนได้ แต่คุณไม่สามารถเป็นได้ทั้งสองอย่าง เพราะคนรวยและคนจนมีวิธีคิดที่แตกต่างกันมาก นี่คือ 12 เหตุผลว่าทำไมคนทั้งสองแบบจึงแตกต่างกันทั้งวิธีคิดและวิธีการใช้ชีวิต
1.คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อชัยชนะ คนจนเล่นเกมการเงินเพื่อที่จะไม่แพ้
คนส่วนใหญ่เล่นเกมการเงินด้วยวิธีการ “ตั้งรับ” จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือ เพื่อความอยู่รอดและมั่นคงปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยและรุ่งเรือง พวกเขาเพียงแต่อยาก “มีเงินพอสำหรับจ่ายใบแจ้งหนี้ต่างๆ เมื่อพวกเขาเจตนาแค่มีเงินพอจ่ายใบแจ้งหนี้ ก็จะมีเงินเท่านั้นจริงๆ ไม่มีทางเลยที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมาได้ เพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งใจและปราถนาความมั่งคั่งร่ำรวย
แต่สำหรับคนที่ต้องการเป็นคนรวย มีเจตนาที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นคือ พวกเขาต้องการที่จะมีเงิน สร้างความมั่งคั่งเพื่อชีวิตของเขาเองและช่วยเหลือคนจำนวนมาก ดังนั้นความตั้งใจ ความทุ่มเท และความเต็มใจที่จะทำทุกวิถีทางแม้จะยากลำบากเพียงใดเพื่อให้ผลลัพธ์ตามที่พวกเขาตั้งใจไว้
หนึ่งในหลักการที่ที ฮาร์ฟ ได้สอนผู้เข้าร่วมสัมมนา คือ “ถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่จะไปให้ถึงดวงจันทร์ แต่หากไม่ถึงอย่างน้อยคุณก็อยู่ท่ามกลางดวงดาว” แต่สำหรับคนจนนั้นกลัวแม้กระทั่งการจะตั้งเป้าหมายหรือฝันใหญ่ และพวกเขาก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมพวกเขาทำไม่สำเร็จ
ถ้าเป้าหมายของคุณคือการมีฐานะพออยู่ได้อย่างสบาย เป็นไปได้มากที่คุณจะไม่มีทางร่ำรวย แต่ถ้าเป้าหมายของคุณคือความร่ำรวย คุณจะลงเอยอย่างสุขสบายมากทีเดียว
2.คนรวยทุ่มเทที่จะรวย คนจนแค่อยากรวย
เหตุผลอันดับแรกที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ตัวเองต้องการอะไร? คนรวยรู้อย่างแน่ชัดว่าตัวเอง ต้องการความมั่งคั่ง พวกเขาไม่สับสนโลเลไปมา พวกเขามุ่งมั่นเต็มที่ที่จะสร้างฐานะ ตราบเท่าที่มันถูกกฏหมาย ศีลธรรมและถูกจรรยาบรรณ พวกเขาจะทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำเพื่อความร่ำรวย คนรวยไม่ส่งสารอันสับสนสู่สวรรค์ มีแต่คนจนทั่วไปที่ทำกัน
คนรวยมุ่งมั่นที่จะร่ำรวย” คำจำกัดความของคำว่า “มุ่งมั่น” คือ “การทุ่มเทแบบไม่มียั้ง” ซึ่งหมายถึงการทุ่มเทแบบไม่ถอยหลังกลับ ทุ่มเทและทำ 100% ในทุกๆ เรื่องเพื่อที่คุณจะสำเร็จ
มันหมายถึงการเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ นี่คือ วิถีของนักรบ ไม่มีข้อแก้ตัว ไม่มีถ้า ไม่มีแต่ ไม่มีบางที – และล้มเหลวก็ไม่ใช่ทางเลือก วิถีของนักรบนั้นเรียบง่าย “ฉันต้องรวยหรือมก็พยายามจนขาดใจตายกันไปข้างหนึ่ง”
จากประสบการณ์ของที ฮาร์ฟ เอเคอร์ การเป็นคนรวยนั้นต้องอาศัยความตั้งใจ ความกล้า ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความพยายามแบบ100% ทัศนคติแบบไม่ยอมแพ้ และแน่นอน วีคิดแบบคนรวย
คุณเต็มใจที่จะทำงานวันละ 16 ชั่วโมงต่อวันได้ไหม คนรวยเต็มใจ คุณสามารถทุ่มเททำงานอาทิตย์ละเจ็ดวันและแทบไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ไหม? คนรวยเต็มใจ คุณเต็มใจสละก็ไม่พบครอบครัว เพื่อน และงดสิ่งบันเทิงและงานอดิเรกทั้งหลายหรือเปล่า คนรวยเต็มใจ คุณเต็มใจจะเสี่ยงลงทุนทั้งเรื่องเวลา กำลังกายและใจ รวมทั้งเงินทุนเริ่มต้นโดยไม่มีหลักประกันว่าจะได้รับผลตอบแทนไหม? คนรวยพร้อมและเต็มใจ จะทำตามเงื่อนไขทุกข้อที่กล่าวมา แล้วคุณล่ะ?
มันเรียบง่าย – คุณจะได้รับเงินในสัดส่วนโดยตรงกับมูลค่าตลาดที่คุณสร้างขึ้นในตลาด
คุณอยากให้ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร? คุณอยากจะเล่นเกมแบบไหน? คุณอยากจะเล่นเกมใหญ่หรือเกมเล็กละ? อยากเป็นตัวหลักหรือตัวรองละ?คุณจะเล่นใหญ่หรือทำเล็กละ? คุณเต็มใจจะใช้ชีวิตของคุณที่ระดับ 10 หรือไม่ ? นั่นคือทางเลือกของคุณ
ชีวิตของคุณไม่ได้หมายความแค่คุณ มันเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้อื่น มันหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างแท้จริงเพื่อภารกิจและเหตุผลของการที่คุณอยู่บนโลกในเวลานี้ มันคือการเพิ่มชิ้นส่วนอีกชิ้นของจิ๊กซอว์ให้กับโลกใบนี้
คนส่วนใหญ่ติดกับในอีโก้ของตนเองและหลงคิดไปว่าทุกอย่างหมุนรอบตัวเขาเหล่านั้น แต่ถ้าคุณอยากเข้าถึงดั่งแก่นแท้ของคำว่ารวยของโลกใบนี้ มันไม่ใช่แค่คุณ มันจะรวมไปถึงการเพิ่มคุณค่าในชีวิตคนอื่นด้วย
ส่วนหนึ่งในภารกิจของชีวิตคุณนั้นคือ การแบ่งปันพรสวรรค์ที่คุณมีกับคนจำนวนมากเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณเต็มใจที่จะเล่นเกมใหญ่
ผลพลอยได้คือยิ่งคุณให้ความช่วยเหลือคนมากเท่าไหร่ คุณยิ่ง “ร่ำรวย” ในจิตใจ อารมณ์ จิตวิญญาณ และ แน่นอนด้านการเงิน
3.คนรวยมุ่งความสนใจไปที่โอกาส คนจนมุ่งความสนใจไปที่อุปสรรค
คนจนนั้นเห็นโอกาสของความสูญเสียและถูกขับเคลื่อนด้วยเสียงของความกลัวในทุกสถานการณ์สมองของพวกเขาจะเฟ้นหาแต่ข้อผิดพลาดหรือสิ่งที่อาจกลายเป็นเรื่องผิดพลาด ความคิดหลักๆ ในหัวของพวกเขาคือ “แล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ?” หรือที่บ่อยกว่านั้นคือ “มันไม่ได้ผลหรอก”
คนรวยนั้นเห็นโอกาสที่จะโตและรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ในชีวิตของตนเอง และทำสิ่งต่างๆ ด้วยความคิดในทำนองท่า “มันต้องได้ผลแน่เพราะฉันจะทำให้มันได้ผล” คนรวยนั้นมุ่งมั่นและลงมือทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์นั้นมา
ถ้าคุณให้ความสนใจกับโอกาส แล้วคุณจะได้รับโอกาส แต่ถ้าคุณไปให้ความสนใจกับอุปสรรคแล้วล่ะก็ คุณก็จะได้รับอุปสรรคเช่นกัน
คุณควรใช้เวลาและพลังที่มีไปกับการคิดและลงมือทำ ก้าวอย่างมั่งคั่งไปข้างหน้า ไปสู่เป้าหมายของคุณ
4.คนรวยชื่นชมผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จคนอื่นๆ คนจนชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ
คนจนมักมองความสำเร็จของผู้อื่นด้วยสายตาขุ่นเคือง อิจฉา และริษยา ดูราวกับพวกเขาเชื่อว่า คนรวยเป็นตัวการที่ทำให้พวกเขายากจน
คุณต้องตระหนักไว้ว่าถ้าคุณเห็นคนรวยเป็ฯคนเลว ไม่ว่าจะในเรื่องใด ด้านใด หรือรูปแบบใดก็ตาม และคุณอยากจะเป็นคนดี คุณก็ไม่มีทางร่ำรวยได้หรอก
มันเป็นไปไม่ได้ คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณเกลียดชังได้อย่างไร?
ความจริงก็คือ การเกลียดชังคนรวยเป็ฯหน่งในหนทางที่จะนำไปสู่ความยากจน ถ้าคุณอยากร่ำรวย คุณต้องฝึกชื่นชมคนรวย สรรเสริญคนรวย และรักคนรวย
คุณควรยินดีกับสิ่งที่คุณต้องการ ถ้าคุณเห็นคนที่มีบ้านสวยๆ จงยินดีที่เขามีบ้านหลังนั้น ถ้าคุณเห็นคนมีรถ จงยินดีต่อเขาและรถของเขา ถ้าคุณเห็นครอบครัวที่รักกัน ยินดีกับเขาและครอบของเขา ถ้าเห็นคนที่มีรูปร่างที่สวยงาม ยินดีกับคนๆนั้นและรูปร่างของเขา/เธอ
ความจริงก็คือ การเกลียดชังคนรวยเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความยากจน ถ้าคุณอยากร่ำรวย คุณต้องฝึกชื่นชมคนรวย สรรเสริญคนรวย และรักคนรวย วิธีนี้จะเป็นการปลูกฝังความเชื่อลงในจิตใต้สำนึกของคุณว่า เมื่อคุณร่ำรวย คนอื่นจะชื่นชม สรรเสริญและรักคุณ ไม่ใช่รังเกียจคุณอย่างที่คุณอาจรู้สึกต่อคนรวยอยู่ในเวลานี้
ประเด็นคือ ถ้าคุณเกลียดในสิ่งที่คนอื่นมี ไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆ ก็ตาม คุณก็จะไม่มีวันได้สิ่งนั้น
5.คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ
คนรวยส่วนใหญ่มักเป็นนักโปรโมทตัวยง พวกเขาเต็มใจและสามารถโปรโมทสินค้า บริการ และไอเดียวของตนด้วยความกระตือรือร้นและมีไฟ
คนรวยมักเป็นผู้นำ และผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่เป็นนักโปรโมทที่ยอดเยี่ยม การเป็นผู้นำย่อมต้องมีผู้ตามและผู้สนับสนุน นั่นหมายความว่า หนึ่ง-คุณต้องช่ำชองด้านการขาย สอง-การสร้างแรงบันดาลใจ สาม-การจูงใจให้ผู้คนเชื่อในวิสัยทัศน์ของคุณ
คุณลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณมีอคติต่อการขายหรือไม่?
การมีอคติต่อการขายเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญสู่ความสำเร็จ คนที่มีทัศนคติด้านลบต่อการขายและโปรโมชั่นมักเป็นคนถังแตก
คนเรามีอคติต่อการขายหรือโปรโมชั่นด้วยเหตุผลที่หลากหลาย เป็นไปได้ว่าปัญหาของคุณอาจคล้ายคลึงกับข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายๆ ข้อต่อไปนี้
ข้อแรก-คุณอาจเคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายในอีดตกับคนที่พยายามขายสินค้าให้คุณ
ในลักษณะ “ยัดเยียด” หรือ “บังคับ” แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณต้องตระหนักว่าประสบการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในอีดตและการยึดติดอยู่กับมันอสขไม่ส่งผลดีต่อคุณในวันนี้
ข้อสอง-คุณอาจเคยประสบเหตุการณ์ที่บั่นทอนกำลังใจคุณอย่างรุนแรง เมื่อคุณพยายามขายอะไรก็ตามให้ใครสักคน แล้วถูกคนๆ นั้นปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง จงเตือนตัวเองอีกครั้งว่าอดีตไม่จำเป็นต้องเหมือนปัจจุบันเสมอ
ข้อสาม-ปัญหาของคุณมีต้นตอมาจากการถูกอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็ก เราหลายคนถูกสอนมาว่า “การยกหางตัวเอง” เป็นเรื่องไม่สมควร แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงในเรื่องธุรกิจเรื่องเงินๆ ทองๆ ถ้าคุณไม่โปรโมทตัวเอง รับประกันได้เลยว่าไม่มีใครมาช่วยคุณได้ตลอดไปหรอก
ข้อสุดท้าย-มีคนประเภทหนึ่งที่รู้สึกว่า การโปรโมทตนเองไม่คู่ควรกับพวกเขา คนที่มีทัศนคติเช่นนี้จะรู้สึกว่าถ้าคนอื่นอยากได้ในสิ่งที่คุณมี พวกเขาก็น่าจะค้นหาและเป็นฝ่ายเข้ามาหาคุณเอง คนที่เชื่อแบบนี้ถ้าไม่สิ้นเนื้อประดาตัวไปแล้วก็คงจะถังแตกในไม่ช้าอย่างแน่นอน
6.คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนจนมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่
คนจน คนล้มเหลว พยายามทำทุกวิถีทางที่จะหลบเลี่ยงปัญหา ซึ่งการกระทำนี้อยู่ตรงกันข้ามกับ “ความสำเร็จ” การหนีปัญหา หลีกเลี่ยง หรือดิ้นให้หลุดจากปัญหา ไม่อาจทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างปัญหา ความผิดพลาด สูญเสีย
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จไม่ใช่พยายามหลีกเลี่ยง ปัดหรือหันหลังให้กับปัญหา สิ่งที่ต้องทำคือ พัฒนาตนเองให้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกปัญหา
ถ้าคุณมีปัญหาใหญ่ในชีวิต นั่นหมายถึงคุณนั้นเป็นแค่กำลังเป็นตัวเล็ก!
ยิ่งคุณสามารถรับมือกับปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถจัดการกับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ยิ่งคุณสามารถรับผิดชอบได้มากแค่ไหน คุณก็จะบริหารลูกน้องได้มากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งคุณสามารถดูแลลูกค้าได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น
และในที่สุดคุณก็จะรับมือกับความมั่งคั่งได้มากขึ้นเรื่อยๆ
คนรวยนั้นใช้เวลาและพลังงานไปกับการวางกลยุทธ์และวางแผนเพื่อหาคำตอบในการเอาชนะปัญหา รวมถึงสร้างระบบที่ให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาเดิมขึ้นมาอีก
ลองคิดว่าตัวคุณนั้นเป็นภาชนะที่บรรจุความมั่งคั่ง ถ้าภาชนะนี้เล็กและเงินที่เข้ามาหาคุณใหญ่กว่าภาชนะ จะเกิดอะไรขึ้น?
คุณจะรับเงินได้เท่ากับภาชนะที่คุณมี เงินส่วนที่เหลือจะล้นออกมานอกภาชนะ แน่นอนว่าคุณไม่สามารถเก็บเงินได้มากกว่าภาชนะที่คุณมี
ดังนั้นคุณต้องสร้างภาชนะที่บรรจุความมั่งคั่งของคุณให้ใหญ่ขึ้น ผลลัพธ์คือ เมื่อภาชนะที่บรรจุความมั่งคั่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ไม่เพียงแต่คุณจะสามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยได้มากขึ้น คุณยังเป็นคนที่ดึงดูดความมั่งคั่งด้วย
7.คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่
หลายคนรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือไม่คู่ควร และเป็น “ผู้รับที่ยอดแย่”
ทำไมความรู้สึกนี้ถึงสำคัญ?
เพราะถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะรับ เท่ากับคุณกำลัง “ทำร้าย” คนที่อยากจะให้คุณ มันกีดกันคุณไม่ให้ “ผู้ให้” มีความสุขและความสบายใจจากการให้ และทำให้ “ผู้ให้” รู้สึกแย่
ทุกอย่างคือพลังงาน และเมื่อคุณอยากให้แต่ไม่สามารถให้ได้ พลังงานนั้นก็ไม่สามารถระบายออกมาและติดค้างอยู่ในตัวคุณ พลังงานที่ “ติดค้าง” อยู่จะกลายเป็นอารมณ์ด้านลบ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อคุณไม่เต็มใจจะเป็น “ผู้รับ” เท่ากับคุณกำลังบอกจักรวาลว่าอย่าส่งอะไรมาให้คุณอีก! ถ้าคุณไม่ยินดีที่จะรับส่วนแบ่งของคุณ มันก็จะถูกส่งไปให้คนที่เต็มใจจะรับ นั่นคือหนึ่งในเหตุผลทีคนรวยร่ำรวยขึ้นเรื่องๆ ส่วนคนจนก็ยากจนลง ไม่ใช่เพราะคนรวยมีมากกว่า แต่เป็นเพราะพวกเขาเต็มใจที่จะรับ ขณะที่คนจนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจจะรับ
มันจะไม่ดีกว่าหรือถ้าคุณจะสร้างฐานะอันมั่งคั่งให้กับตัวเองและสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างแท้จริง ด้วยความเข้มแข็งไม่ใช่ความอ่อนแอ?
จงใช้โอกาสที่คุณมีให้เต็มที่ สร้างฐานะให้ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสเหมือนอย่างคุณ ซึ่งนั่นฟังดูมีเหตุผลมากกว่าการเป็นคนถึงแตกและไม่สามารถช่วยใครได้เลย
แล้วจะเริ่มอย่างไรดี? คุณจะหัดเป็นผู้รับที่ดีได้อย่างไร?
ก่อนอื่น จงเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนตัวเอง คุณควรฝึกฝนการรับสิ่งที่ดีที่สุดที่ชีวิตมอบให้อย่างมีสติ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการฝึกเป็นผู้รับโดยไม่รู้สึกผิดคือ การมีบัญชีเงิน “ใช้เล่น” (จากระบบการบริหารเงินแบบ 6 กระปุก) ที่สามารถให้คุณใช้เงินจำนวนหนึ่งไปกับข้างของต่างๆ ตามใจคุณ ซึ่งจะทำใหคุณ “รู้สึกราวกับมีเงินล้าน” บัญชีที่ว่านี้มีไว้สร้างเสริมความรู้สึกมีค่าและสร้างความแข็งแกร่งของจิตใจ
หากคุณต้องการมั่งคั่งและร่ำรวย เริ่มฝึกเป็น “ผู้รับ” ที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่วันนี้!
- คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน คนจนเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน
การใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงไม่ต่างไปจากการใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความกลัว
คนรวยชอบที่จะรับเงินตามผลงานของพวกเขามากกว่า คนรวยมักมีธุรกิจเป็นของตัวเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง พวกเขามีรวยได้จากผลกำไรของธุรกิจ
คนรวยมักทำงานในระบบที่ให้ค่าคอมมิชชั่นหรือได้รับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้
คนรวจเชื่อในตัวเอง พวกเขาเชื่อในคุณค่าและความสามารถในการสร้างคุณค่าของตัวเอง
ขณะที่คนจนไม่เชื่อ นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาต้องการ “หลักประกัน”
คนจนแลกเวลากับเงิน วิธีนี้มีข้อจำกัดเพราะเวลาของคุณจะมีจำกัด
เมื่อคุณเข้าใจหลักการนี้แล้ว ลองพิจารณาทางเลือกในการหารายได้ตามผลงานแทนที่จะแลกกับเวลาเพื่อคุณจะได้มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยได้เร็วขึ้น
9.คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนจนเก่งเรื่องการบริหารเงินแบบผิดๆ
คนรวยไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนจน เพียงแต่พวกเขามีนิสัยในด้านการเงินที่แตกต่างและเอื้อต่อการสร้างความมั่งคั่งมากกว่า
คนจนนั้นถ้าไม่บริหารเงินอย่างผิดวิธี ก็มักหลีกเลี่ยงมันไปเลย ผู้คนไม่ชอบบริหารเงินด้วยเหตุผลหลักๆ เพียงสองข้อ
ข้อแรก-พวกเขาบอกว่ามันเป็นการจำกัดอิสรภาพ
การบริหารเงินไม่ได้จำกัดอิสรภาพของคุณแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันให้อิสระแก่คุณต่างหาก การบริหารเงินจะช่วยให้คุณได้รับอิสรภาพทางการเงินได้ในที่สุด
ข้อสอง-พวกเขาบอกว่าตัวเองไม่มีเงินมากขนาดที่จำเป็นต้องบริหาร
ถ้าจะรอให้มีเงินมากก่อนแล้วจะเริ่มบริหารเงิน นั่นเป็นความคิดและความเชื่อที่ผิด เพราะคนที่ร่ำรวยจะ “เริ่มบริการเงิน ถึงได้มีเงิน”
หากคุณไม่สามารถบ่มเพาะนิสัยและทักษะในการบริหารเงินก้อนเล็กๆ ก่อนที่จะมีเงินก้อนใหญ่ หากคุณมีโอกาสได้เงินก้อนใหญ่มา คุณก็จะเสียมันไปในที่สุด การฝึกทักษะและความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องทำอย่างสม่ำเสมอ คุณควรจะมีบัญชีแยกประเภทของการใช้เงินสิ่งสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้จาก “ระบบบริหารเงินแบบ 6 กระปุก” ซึ่งที ฮาฟ เอเคอร์ได้เผยแพร่วิธีการบริหารเงินที่ง่ายที่สุดในโลก และช่วยคนทั่วโลกให้สามารถมั่งคั่งร่ำรวยได้จริง
ดังนั้น “การบริหารเงินจนเกลายเป็นนิสัย ย่อมมีความสำคัญมากกว่าจำนวนเงินที่เราบริหาร”
10.คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนธรรมดาทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน
การทำงานหนักเป็นเรื่องสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การทำงานหนักอย่างเดียวไม่มีทางทำให้คุณรวยได้
คุณมี “สองวิธี” ให้เลือกในการสร้างความร่ำรวย นั่นคือ
หนึ่ง-คุณต้องมีรายได้มากขึ้น
สอง-คุณต้องเงินน้อยลง
คนจนมักเลือกข้อที่สอง เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาควบคุมได้และจัดการได้ง่ายกว่าข้อสอง การมีรายได้เท่าเดิม แต่ลดการใช้เงินลงเป็นสิ่งที่ดี แต่ในขณะเดียวกันคุณจำเป็นต้องตัดความสบาย และความสุขสำหรับตนเองและคนที่คุณรัก ซึ่งอาจจะดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วรายได้ที่เท่าเดิมไม่สามารถเติมเต็มชีวิตและทำให้คนที่คุณรักมีความสุข อีกทั้ง คุณต้องทำงานเพื่อเงิน และประหยัดไปจนถึงความสุดท้ายของชีวิต แค่คิดก็หดหู่แล้ว
คนรวยจะเต็มใจเลือกข้อที่หนึ่ง เพราะพวกเขาเชื่อว่า ถึงแม้จะไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ว่าจะหารายได้มากขึ้นได้อย่างไร แต่พวกเขาก็เต็มใจทำทุกทางที่จะทำให้มีรายได้มากขึ้น ลงมือทำอย่างไม่ลดละ และก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย พวกเขาเลือกที่จะใช้เงินให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ รวมทั้งนำรายได้ที่หาได้มากขึ้นมาบริหารจัดการ ด้วยการหาความรู้ด้านการเงินเพื่อ ให้เงินทำงานให้พวกเขา โดยการสร้างดอกผลและเงินตอบแทนให้งอกเงยโดยการนำไปลงทุนและให้เงินทำงานให้พวกเขาในระยะสั้นและระยะยาว
ลองจินตนาการดูว่าหากเวลาผ่านไป 10 ปี คนจนที่เลือกประหยัดและใช้เงินน้อยลงจะมีชีวิตหดหู่แค่ไหนยังต้องทำงานเพื่อเงิน ในขณะที่คนที่เลือกหารายได้มากขึ้นในทุกๆ ปี จะมีชีวิตที่สามารถกำหนดเองได้และให้เงินทำงานหนักให้พวกเขาแทน
11.คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนจนปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง
ความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวลเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เพียงแต่ในแง่ของความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสุขของคุณด้วย เพราะฉะนั้น หนึ่งในข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างคนรวยกับคนจนก็คือ คนรวยเต็มใจลงมือทำแม้จะหวาดกลัว แต่คนจนปล่อยให้ความกลัวขัดขวางพวกเขา
คุณต้องเข้าใจเสียก่อนว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่จำเป็นต้องขจัดความกลัว คนรวยและผู้ที่ประสบความสำเร็จก็มีความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวลเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่ปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้นมาหยุดยั้งตนเอง ส่วนผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จมีความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวล แล้วก็ยอมให้ความรู้สึกเหล่านี้เขาครอบงำ จำไว้ว่า “คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ โดยไม่จำเป็นต้องขจัดความกลัว”
การสร้างฐานะให้ร่ำรวยไม่ใช่เรื่องที่ทำได้สบายๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อันที่จริงการสร้างความมั่งคั่งอาจเป็นเรื่องแสนสาหัสทีเดียว
คนรวยไม่ตัดสินใจทำอะไรเพราะเห็นแก่ความง่ายดายหรือความสะดวก พวกเขาเข้าใจและยินดีทำในสิ่งที่ยากเพราะเขารู้ดีว่า
“ถ้าเต็มใจทำเรื่องง่าย ชีวิตก็จะกลายเป็นเรื่องยาก”
“ถ้าเต็มใจทำเรื่องยาก ชีวิตก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย”
12.คนรวยเลือก “ทั้งสองทาง” คนจนเลือก “ทางใดทางหนึ่ง”
คนรวยอยู่ในโลกแห่งความพรั่งพร้อม คนจนอยู่ในโลกแห่งข้อจำกัด ซึ่งทั้งคู่อยู่ในโลกใบเดียวกัน แต่ความแตกต่างกันนั้นอยู่ที่มุมองของพวกเขา
คนจนส่วนใหญ่มาจากพื้นเพที่ยากลำบาก คนจนใช้ชีวิตโดยมีทัศนคติว่า “ไม่มีอะไรที่เพียงพอสำหรับทุกคนบนโลกใบนี้หรอก และเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมีพร้อมทุกอย่าง” คนจนจึงมักเลือกเพียงอย่างเดียว
คนรวยเข้าใจว่า ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย ย่อมสามารถคิดหาหนทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งสองด้านแทบทุกครั้ง คนรวยจึงเลือกทั้งสองอย่าง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คำถามสำคัญที่คุณต้องถามตัวเอง คือ “ฉันจะมีทั้งสองอย่างได้อย่างไร” คำถามนี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
มันจะเปลี่ยนคุณจากชีวิตที่ขาดแคลนและเต็มไปด้วยข้อจำกัดไปสู่สรวงสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นไปได้และความอุดมสมบูรณ์
ถ้าคุณต้องการมีชีวิตที่ปราศจากขีดจำกัด ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม จงปล่อยวางความคิดที่จะเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และมั่งมั่นกับความตั้งใจที่จะมี “ทั้งสองอย่าง”
.
หากคุณอยากเปลี่ยน Mindset และพฤติกรรมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า พร้อมเรียนรู้เทคนิคการสร้างความสำเร็จทางชีวิตและการเงิน ทางเราขอแนะนำ สัมมนา Millionaire Mind Intensive สัมมนาที่อัดแน่นด้วยความรู้ ประสบการณ์ และเคล็ดลับตลอด 3 วัน ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและการเงินของคุณไปตลอดกาล >> สนใจกด Banner ด้านล่างได้เลย!
ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน
- PAN PHO TEAM.