test

[PTWEBINARS_WEBINAR_LINK id=84571]

[PTWEBINARS_THANKYOU_GCAL id=84571]

test

[PTWEBINARS_REGISTRATION_FORM id=84571]

วิธีการสร้างธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ : ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้

วิธีการสร้างธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ : ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้

บทเรียนยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถเรียนได้จากคนที่รวยที่สุดในโลก Warren Buffet

15 มิถุนายน 2563 | เขียนโดย Pan Pho Team.

หากคุณอยากจะประสบความสำเร็จ มีความมั่งคั่ง และมีอิสรภาพทางการเงิน การเป็นเจ้าของธุรกิจอาจจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และน่าตื่นเต้นที่สุด

เมื่อคุณสามารถสร้างธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จได้ ทุกอย่างในชีวิตของคุณจะอยู่ในการควบคุมของคุณอย่างเต็มเปี่ยม คุณอยากจะทำสิ่งใด เวลาไหน กับใคร ด้วยเงินเท่าไหร่ คุณก็สามารถทำได้ หากคุณมีวิธีการสร้างธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ รางวัลของความพยายามและความสามารถของคุณจะถูกตอบแทนออกมาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ทั้งในรูปแบบของเงิน ประสบการณ์ และชื่อเสียงที่ตามมาจากผลลัพธ์ที่คุณสร้างไว้ให้กับอุตสาหกรรมของคุณ

และบางครั้ง การทำธุรกิจก็อาจจะตอบโจทย์ในเรื่องของอิสรภาพในการคิดและสร้างสรรค์ ที่คุณสามารถออกแบบ ทำ หรือผลิตสิ่งใดก็ได้ที่จินตนาการและวิสัยทัศน์ของคุณไปถึง ซึ่งแน่นอนว่า ยิ่งคุณสามารถใช้ความคิดของคุณในการแก้ปัญหาให้กับคนมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับค่าตอบแทนเยอะขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นแล้ว การปูรากฐานของแนวคิดและวิธีการในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คือ ก้าวแรกที่สำคัญ ในการสร้างธุรกิจที่คุณมีความสุขและสามารถเอาชนะปัญหาที่เข้ามาในธุรกิจของคุณได้ ซึ่งคุณจะสามารถทำได้ด้วยการเข้าใจรูปแบบของความสำเร็จที่คุณกำลังมองหาอยู่

ในบทความนี้เอง คุณจะได้ค้นพบถึงวิธีที่คุณจะสามารถสร้างความสำเร็จในการทำธุรกิจและการสร้างความสุขตลอดเส้นทางที่คุณกำลังเลือกเดินหรือกำลังเดินอยู่

ความสำเร็จในธุรกิจ คือทางผ่านสู่ความสำเร็จในชีวิต 

ด้วยเทคโนโลยีในการทำธุรกิจและการทำการตลาด เป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นกว่าเดิมในการทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ

ซึ่งหากคุณทำอย่างถูกวิธีและมีระบบ คุณสามารถสร้างธุรกิจที่เป็นเหมือนดั่ง “เครื่องจักรทำเงิน” ให้กับคุณ โดยที่คุณสามารถมีอิสรภาพทางเวลาและทางเลือกในการใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ ด้วยการวางระบบของคุณให้สามารถทำงานแทนตัวคุณได้

และสำหรับคนที่ชอบทำงานหนัก คุณอาจจะเป็นคนที่ชอบและมีความสุขในการทำงานของคุณโดยที่เงินจะไม่เป็นเพียงแค่คำตอบของงานที่คุณทำอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็น “การเติมเต็มคุณค่า” ของตัวคุณเอง

อาจฟังดูง่าย แต่ธุรกิจส่วนใหญ่นั้นไปไม่ถึงเป้าหมายของพวกเขาเสียที และจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จได้ หากคุณไม่เริ่มต้นด้วยการเข้าใจว่า “เป้าหมายของคุณ” ในการทำธุรกิจของคุณคืออะไรกันแน่?

 

ดังนั้น ก้าวแรกของคุณ คือ การให้ความหมายของคำว่า “สำเร็จ”

ทุกๆคนนั้นมีความหมายของความสำเร็จแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อเราพูดถึงวิธีการค้นหาความสำเร็จของเรา วิธีการที่ง่ายที่สุด คือการถามตัวเองว่า “รูปแบบชีวิตและความเป็นอยู่ในอุดมคติของคุณมีหน้าตาแบบไหน?”

คุณอาจจะมองเห็นตัวคุณที่ใส่เสื้อผ้าดีๆ มีรถหรูๆขับ บ้านหลังใหญ่ๆอยู่ และกินอาหารในภัตตาคารราคาแพง?

หรือคุณอาจจะมองเห็นช่วงเวลาดีๆที่คุณไปรับลูกของคุณ ดูแลคนที่คุณรัก และมีเวลาในการออกไปใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ?

หรือคุณอาจจะมองเห็นตัวคุณที่กำลังช่วยเหลือคนที่อดยาก กลุ่มคนที่คุณอยากจะช่วยเหลือและทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นด้วยน้ำมือของคุณ?

ทั้งหมดนี้ คุณจะต้องชัดเจนกับรูปร่างหน้าตาของความสำเร็จของคุณเองเสียก่อน

ต่อมา คุณจะต้องคิดถึงว่าธุรกิจของคุณดำเนินงานแบบใด?

บุคลิก นิสัย พฤติกรรม ของคุณมีส่วนอย่างมากต่อการปฎิบัติงานของธุรกิจคุณ เพราะปัจจัยเหล่านี้จะชี้วัดว่าคุณจะใช้เวลาส่วนมากของคุณไปกับการทำอะไรในธุรกิจ?

อะไรคือกิจกรรมที่คุณอยากจะสร้างขึ้นมาเป็นกิจวัตรประจำวัน ประจำสัปดาห์  ไม่ว่าจะเป็นการประชุมการตลาด การทำโฆษณาใหม่ๆ การเข้าไปหาลูกค้า หรือแม้แต่การนั่งอ่านอีเมลของคุณ

นั่นเป็นเพราะกิจกรรมเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่จะเป็นอิฐแต่ละก้อนที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จที่คุณตั้งใจไว้ ดังนั้น คุณอาจจะใช้เวลานั่งวางแผนสักพัก

เพื่อที่คุณจะตกผลึกกับกิจกรรมที่สำคัญในการทำธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ


คุณมีองค์ประกอบในการเป็นเจ้าของธุรกิจหรือไม่?

แม้ว่าการทำธุรกิจให้สำเร็จเป็นสิ่งที่น่ายินดีและน่าตื่นเต้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความยากลำบากและการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแน่นอนว่า อิสรภาพที่คุณจะได้รับนั้นมีขนาดเท่ากับความรับผิดชอบที่คุณแบกรับภายในวันนี้

นี่คือสิ่งที่คุณจะต้องจัดการให้ได้ ในการเป็นเจ้าของธุรกิจ เมื่อคุณออกมาทำธุรกิจของคุณ คุณจะไม่มีเจ้านายมาคอยชี้ทางว่าคุณควรจะไปในทิศทางไหนไม่มีการคู่มือ หรือคำแนะนำใดๆ และคุณเองจะต้องเป็นคนที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทั้งวิธีการ และสิ่งที่ต้องทำไม่มีเวลาที่ตายตัว คุณอาจจะเคยชินกับการทำงานเริ่ม 8:30 และเลิกทำงานตอน 17:00 ในขณะที่หลายๆครั้ง คนทำธุรกิจก็จะต้องทำงานโดยที่ไม่มองเวลา จนบางทีอาจจะกระทบต่อชีวิตของตัวเอง ดังนั้น การมีทักษะการบริหารเวลาคือสิ่งที่จำเป็น ไม่มีใครช่วยคุณตัดสินใจเหมือนตอนที่คุณทำงานกับเจ้านายของคุณ คุณเองเป็นผู้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และการตัดสินใจของคุณนั้นมีผลอย่างมากต่อการ
ทำงานและทิศทางของบริษัทคุณ


จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจ

สิ่งที่คุณจะเผชิญในโลกของการทำธุรกิจนั้นมีมากมาย จะนำมาซึ่งความยากลำบากและความเหนื่อยล้า ดังนั้นคุณจะต้องรู้ว่าธุรกิจของคุณนั้นเหมาะสมกับตัวคุณหรือไม่?

สิ่งแรกที่คุณจะต้องคิดถึงคือ ทำไมคุณถึงต้องเริ่มต้น?

หากเหตุผลของคุณเป็นเพราะเงิน นั่นอาจจะเป็นตัวกระตุ้นที่แข็งแรงในการเริ่มต้น แต่สิ่งที่คุณต้องรู้และเข้าใจให้ดีคือ ความหลงใหลของคุณ​ ซึ่งเป็นเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ใช่น้อยในการทำธุรกิจของคุณให้ไปถึงปลายทางที่คุณตั้งไว้

เงินอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ถ้าคุณเลือกที่จะทำเงินและมีความสุขได้พร้อมๆกัน ทำไมจะไม่หล่ะ?

และเมื่อคุณเดินทางไปบนเส้นทางนี้ได้สักพัก สิ่งที่คุณจะเริ่มเห็นและตระหนักขึ้นก็คือ

1.คุณจะเห็นปัญหาที่มากขึ้น และวิธีการแก้ไขที่มากขึ้นตามมาเช่นกัน

2.คุณมีความปรารถนาในการมีอิสรภาพทางเวลาและการเงินที่แรงกล้ามากกว่าการทำอะไรซ้ำๆเดิมๆในทุกวัน ซึ่งจะนำคุณไปค้นพบว่าบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่ปลอดภัยและแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพึ่งพาช่องทางการทำเงินเพียงแค่ช่องทางเดียว

3.คุณให้คุณค่าแก่อิสรภาพ การเติบโต และการสร้างสรรค์ คุณไม่ชอบทำงานตามคำสั่งใคร คุณไม่ค่อยมีความสุขกับงานของคุณนัก จนถึงขั้นคุณสามารถเรียกตัวเองว่า “คนรอตกงาน”

4.คุณเต็มใจที่จะเรียนรู้ เติบโต และทำความผิดพลาด พร้อมกับค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากการยื่นอกรับความเสี่ยงและล้มเหลวในบางครั้ง แต่สุดท้ายแล้ว คุณก็สามารถขึ้นมาต่อสู้ได้ใหม่

หากทั้งหมดที่เรากล่าวมาในข้างต้นคือตัวคุณ การเริ่มต้นธุรกิจอาจจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดในตอนนี้ หรืออาจจะเป็นทางเดียวที่จะทำให้คุณใช้ศักยภาพได้เต็มเปี่ยมที่สุด

 


ต้นทุนของความล้มเหลวในการทำธุรกิจ

การก้าวออกไปในที่ที่คุณไม่เคยออกไปอาจจะเป็นสิ่งที่ดูน่ากลัว และคนจำนวนมากถอดใจตั้งแต่ก่อนที่จะต้องก้าวออกไปเสียด้วยซ้ำ พวกเขามักรู้สึกว่าพวกเขายังรู้ไม่มากพอ หรือไม่มีคุณค่าอะไรที่จะนำเสนอให้แก่ลูกค้าของพวกเขา (ซึ่งหลายครั้งมักถูกเรียกว่า “โรคชอบอ้าง”) และพวกเขาก็มักที่จะกังวลในการนำเสนอตัวเองในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ

อาจจะเป็นโชคร้ายของพวกเขาที่ไม่รู้ว่า คนทุกคนนั้นมีความเชี่ยวชาญ พรสวรรค์ ความหลงใหล และประสบการณ์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นไอเดียในการสร้างธุรกิจเงินล้านได้ เพียงแต่ว่าเราจะต้องรู้จักวิธีการนำเสนอและการทำการตลาดอย่างเป็นระบบเท่านั้น

และในบางครั้งเอง ความกลัวและความไม่มั่นใจในตัวเอง ที่เกิดมาจากประสบการณ์ คำพูด และวิธีคิดที่เราเคยพบเจอในอดีต ก็อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หลายๆธุรกิจนั้นล้มเหลว

คุณจะต้องทำความเข้าใจให้ดีว่า ความสำเร็จ อาจทำให้คุณเครียดและวิตกกังวลได้ในบางครั้ง มุมมองการทำงานและแนวคิดของคุณอาจถูกรบกวนด้วยอุปสรรค์และการทำงาน ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อวิถีชีวิตของคุณเอง

เมื่อมาถึงจุดนี้ ความล้มเหลวจึงกลายเป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น จากสถิติพบว่ามากกว่า 7 ใน 10 ธุรกิจนั้นล้มเหลวภายใน 2 ปีแรกที่พวกเขาเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาทางด้านการเงิน ความสัมพันธ์ และชื่อเสียงของคุณที่ได้รับผลกระทบ

แต่ปัญหาที่กล่าวไว้ทั้งหมดนั้นเอง ก็ได้หยุดหลายต่อหลายคนเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่พวกเขาจะต้องหยุด เพราะนี่คือการเดินออกไปในที่ที่พวกเขาไม่เคยเดินไป และบางครั้ง ก็อาจจะได้รับอันตรายจากปัญหา อุปสรรค์ และสิ่งที่เข้ามา แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้พวกเขาผ่านไปได้คือการตระหนักถึงความกลัวของตัวเอง และเปลี่ยนแปลงความกลัวเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ

และข่าวดีของคุณก็คือ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลาในการลองผิดลองถูก หากคุณสามารถเรียนรู้วิธีคิดและการทำธุรกิจจากคนที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนคุณแล้ว และนำมาเป็นเหมือน “เครื่องมือ” ในการทำธุรกิจของคุณให้ง่ายดายยิ่งขึ้น


เหตุผลดีๆที่ถึงแม้การทำธุรกิจจะเสี่ยง คุณก็ควรจะทำ

เมื่อเรารู้ข้อเสียและความเป็นไปได้ต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจแล้ว เรามาฟังเหตุผลดีๆ ที่จะช่วยทำให้คุณคลายกังวลในการเริ่มต้นธุรกิจและสร้างความมั่นใจให้ธุรกิจของคุณได้ เพราะในหลายๆครั้งเอง ที่เรามักถูกขู่และเสียความมั่นใจในการเริ่มต้นธุรกิจจากข้อมูลต่างๆ และคำพูดเชิงลบที่นอกจากจะไม่ช่วยคุณแล้ว ยังจะทำให้คุณกังวลแบบไม่มีสาระสำคัญ

ความสำเร็จนั้นไม่ง่าย แต่เรียบง่าย – “ถ้าคนทำธุรกิจประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ ทุกคนคงรวยกันไปหมดแล้ว” คงเป็นประโยชน์ที่คนส่วนใหญ่มักจะบอกคุณอยู่เสมอๆเมื่อเราพูดถึงการเริ่มต้นธุรกิจ แต่ความจริงที่น่าสนใจคือ สิ่งที่คนเหล่านั้นพูดคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง การทำธุรกิจไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด

เพราะเราต้องผ่านการแก้ปัญหาต่างๆมากมาย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถประหยัดเวลาในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างเรียบง่าย ด้วยการศึกษาคนที่เคยแก้ปัญหาแบบเดียวมากับที่คุณมีอยู่ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือศึกษาวิธีคิด กลยุทธ์ของธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆมาใช้ในธุรกิจของคุณ เท่านี้คุณก็สามารถเอาชนะปัญหาได้อย่างรวดเร็วและไม่เสียกำลังใจ

การทำธุรกิจ มีวันเริ่ม และมีวันที่หยุด – “ถ้าต้องมานั่งแก้ปัญหาทุกๆวัน คงไม่มีทางมีอิสรภาพหรอก ต่อให้มีเงินเท่าไหร่ก็ตาม” นี่คือคำพูดส่วนใหญ่ของเจ้าของธุรกิจหรือคนที่เข้าใจว่าการทำธุรกิจคือภาระระยะยาว ที่เราต้องทำทุกวัน ไม่มีหยุดพัก และต้องคอยมาปวดหัว ซึ่งโชคร้ายที่พวกเขานั้นลืมไปว่าจริงๆแล้ว หากเราตั้งใจทำธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์และมีจุดหมาย เราสามารถเปลี่ยนธุรกิจของเรา เป็นช่องทางการหาเงินที่คุณไม่ต้องทำงานเลยก็ได้ หรือถ้าเรียกกันง่ายๆก็คือ Passive Income นั่นเอง

หลักการนี้ถูกเรียกว่า PBI หรือ Passive Business Income กล่าวคือ หากคุณทำธุรกิจอย่างเป็นระบบและมีจุดหมายในการสร้างระบบที่สามารถสร้างผลัลพธ์ได้อย่างที่คุณ

ต้องการ ทั้งที่มีคุณและไม่มีคุณ คุณจะค้นพบว่า ระบบที่คุณมีนั้น นอกจากจะทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว คุณสามารถนำวิธีคิด ระบบ และหลักการที่คุณใช้ มาเป็นพิมพ์เขียวในการสร้างธุรกิจที่สอง สาม และสี่ ของคุณ จนกลายเป็น “สูตรลับ” ให้กับธุรกิจต่างๆของคุณ

การทำธุรกิจ คือ เครื่องมือที่ดีที่สุดในการแสดงความสามารถของคุณ – “คุณไม่ต้องเด่น ไม่ต้องดังหรอก คุณแค่ทำงานอย่างที่คุณได้รับมอบหมายก็พอแล้ว” คำพูดนี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักบอกคุณ เมื่อคุณมีไอเดียดีๆผุดขึ้นมา ซึ่งอาจจะช่วยทำให้องค์กรของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบและทำได้ดี แต่ถูกขัดขวางโดยระบบและวิธีการจัดการที่ไม่เอื้ออำนวยของคนที่เป็นหัวหน้าของคุณ แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าคุณเริ่มต้นทำธุรกิจ และกลายเป็นเจ้าของธุรกิจของคุณ

ทุกไอเดีย ทุกความตั้งใจ และทุกความพยายามของคุณจะไม่ศูนย์เปล่า เพราะไม่ว่าคุณมีความคิดอะไร สิ่งเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ให้เกิดรายได้และยอดขายได้ในธุรกิจของคุณ โดยคุณสามารถขับเคลื่อนองค์กรของคุณให้เป็นไปตามความตั้งใจและวิสัยทัศน์ของคุณ จึงทำให้ในหลายๆครั้ง ที่ธุรกิจไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสร้างรายได้ แต่เป็นเครื่องมือและเวทีที่ให้โอกาสคุณมาแสดงออกถึงวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญของคุณ

หากคุณกำลังมีไอเดียหรือความคิดในการทำธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ คุณจะต้องเชื่อเสมอว่า สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นคือสิ่งที่ดี และคุณจะต้องจับจ้องที่ “โอกาส” แทนที่จะเป็นความล้มเหลวและผิดพลาดของตัวคุณเอง ดังนั้น จงจำเสมอว่า ไม่ว่าธุรกิจของคุณดีหรือไม่ดี ใหม่หรือเก่า มีปัญหาหรือไม่มีปัญหา การมีมุมมองและวิธีคิดต่อสิ่งที่เข้ามาในชีวิตของคุณคือสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยประคองคุณไปสู่ความสำเร็จได้

อย่างราบรื่น เพราะในหลายๆครั้งเอง การลงมือทำและแก้ปัญหาที่มีจำนวนเยอะมาก อาจทำให้คุณสับสนและท้อถอย นี่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาวิธีคิดของคุณให้สามารถเอาชนะปัญหาเหล่านั้นได้

และในสัมมนา Millionaire Mind Intensive นี้เอง คุณจะได้ค้นพบวิธีคิด วิธีการ และกลยุทธ์ต่างๆ ที่ใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจ การสร้างธุรกิจให้โต และศึกษากลยุทธ์การทำธุรกิจของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ว่าพวกเขามีวิธีคิด วิธีการ และกลยุทธ์อะไรที่สามารถทำให้เขาไปสู่ความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

บทเรียนยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถเรียนได้จากคนที่รวยที่สุดในโลก Warren Buffet

บทเรียนยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถเรียนได้จากคนที่รวยที่สุดในโลก Warren Buffet

บทเรียนยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถเรียนได้จากคนที่รวยที่สุดในโลก Warren Buffet

15 มิถุนายน 2563 | เขียนโดย Pan Pho Team.

เมื่อมาถึงจุดที่คุณออกแบบชีวิตของตัวคุณ มีความคิดหนึ่งที่ผมมักจะกลับมาคิดทวนซ้ำ ๆ นั่นคือ

ถ้าคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ วิธีที่เร็วที่สุดคือ การมีแบบอย่างและเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่น ๆ ดูง่ายใช่ไหมล่ะ?

แล้วทำไมคุณต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ด้วยล่ะ!? มีอีกหลายคนข้างนอกที่ใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่แล้วในแบบที่คุณอยากมี แล้วทำไมคุณไม่ลองทำตามพวกเขาดูล่ะ?! เพราะนี่แหละถึงทำให้ผมรักบทเรียนจาก Warren Buffett และถ้าคุณไม่ยังค่อยรู้จัก Warren เขาคือชายอายุ 86 ปีและเป็น CEO ของ Berkshire Hathaway Inc. ชายผู้มีทรัพย์สินมูลค่าอยู่ที่ราว ๆ 75.6 พันล้านดอลลาห์ (24,192 พันล้านบาท)  และไม่ ผมไม่ได้พิมพ์ผิด!

Warren Buffett ไม่ใช่แค่เศรษฐีพันล้าน เขาคือคนที่รวยที่สุดในโลก! ชัดเจนว่า มีอีกหลายอย่างที่ทุกคนนั้นสามารถเรียนจากเขาได้และคนที่ประสบความสำเร็จคนอื่น แม้กระทั้งผม เรามาเริ่มบทเรียนนี้ด้วยคำถามว่า…

ถ้าคุณจะเลือกรถสักคันที่จะอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต คุณจะเลือกรถคันไหน?

 นี่เป็นข้อคิดจาก Warren Buffett ที่อยู่บนโลกออนไลน์ ผมคิดว่าทุกคนควรอ่าน มันเริ่มแบบนี้

ตอนผมอายุได้ 16 ผมมีอยู่แค่สองอย่างอยู่ในหัวผม นั่นคือ ผู้หญิงและรถ ผมไม่ถนัดกับเรื่องผู้หญิงเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงคิดเกี่ยวกับรถ เพราะผมมีโชคเกี่ยวกับรถมากกว่าผู้หญิง สมมุติว่าเมื่อผมอายุ 16 มีจินนี่ปรากฏตัวต่อหน้าผม และจินนี่ก็พูดว่า “Warren ข้าจะให้รถอย่างดั่งที่เจ้าปรารถนา พรุ่งนี้เช้ารถรุ่นล่าสุด จะมาถึงที่นี่พร้อมโบว์อันใหญ่ และทั้งหมดนั้นเป็นของเจ้า ผมได้ยินที่จินนี่พูด และผมก็พูดว่า แลกกับอะไร

จินนี่บอกว่า “แลกกับสิ่งเดียว นี่จะเป็นรถคันสุดท้ายในชีวิตของเจ้า ใช้มันไปตลอดชั่วชีวิต

ถ้านั่นเกิดขึ้นละก็ ผมอาจเลือกรถคันนั้น แต่คุณสามารถจินตนาการได้ไหม รู้ว่าคุณต้องใช้มันไปชั่วชีวิต และผมควรจะทำอะไรกับมันดีล่ะ?

ผมก็จะอ่านคู่มือประมาณ 5 นาที และก็เก็บอะไหล่เอาไว้ตลอด ถ้ามันมีรอยขูดขีด ผมก็จะซ่อมมันทันทีเพราะว่าผมไม่อยากให้มันขึ้นสนิม ผมจะดูแลรถคันนี้ เพราะมันคือรถที่จะอยู่ไปตลอดช่วงชีวิตผม นั่นเปรียบเสมือน จิตใจและร่างกายของคุณ คุณมีแค่จิตใจและร่างกายเดียว และมันจะอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต ตอนนี้มันง่ายที่จะขับมันไปเรื่อย ๆเป็นเวลาหลายปี แต่ถ้าหากคุณไม่ดูแลร่างกายและจิตใจ มันก็จะเสื่อมสภาพในอีก 40 ปีต่อมา  ดังนั้นสิ่งที่คุณทำในวันเวลานี้จะเป็นตัวกำหนดว่าจิตใจและร่างกายของคุณจะทำงานอย่างไรในอีก สิบปี ยี่สิบปีและสามสิบปีจากนี้

– Warren Buffett 

ตอนนี้คุณก็อ่านข้อคิดของ Warren Buffett ไปแล้ว ผมอยากให้คุณคิดพิจารณาสักครู่…

คุณจะดำเนินชีวิตที่คุณรู้ว่าคุณมีเพียงแค่ชีวิตเดียวอย่างไร?

คุณได้ตั้งเป้าหมายและลงมือทำเพื่อสนับสนุนให้คุณไปถึงเป้าหมายในชีวิตของคุณหรือไม่?

คุณได้จัดสรรเวลาให้กับสิ่งสำคัญกับคุณในชีวิตของคุณหรือไม่?

หรือคุณเพียงแค่ปล่อยให้ชีวิตของคุณผ่านไป โดยไม่มีจุดหมาย?

 มองเข้าไปข้างในหัวใจของคุณ – ซื่อสัตย์กับตัวคุณ

มีอะไรที่คุณต้องการเอาชนะหรือไม่? คุณกำลังละเลยความสำคัญกับจิตใจ สุขภาพ ความสัมพันธ์หรือเวลาพักผ่อนของคุณ? การที่คุณประสบความสำเร็จนั้นคือสิ่งเดียวในความคิดคุณหรือ? เพราะการประสบความสำเร็จไม่ได้หมายถึงเงินเสมอไป

เงินที่ไร้สุขภาพนั้นไร้ค่า  เงินที่ทำให้คุณมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ดีจะทำให้คุณโดดเดี่ยว อย่าลืมว่าอะไรสำคัญสำหรับคุณอย่างแท้จริงและอย่าลืมว่าคุณนั้นอยู่บนโลกในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นให้แน่ใจว่าคุณดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่รวมกันเป็นสังคม เราทุกคนทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน และยิ่งคุณรู้สิ่งนี้เร็วเท่าไรคุณก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น  จริงหรือจริง! (True or true)

นี่คือวีธิที่ผมสร้างชีวิตที่ดีที่สุดของผมที่เต็มไปด้วยความสมดุลของความสุขและสำเร็จ

เพื่อน นายไม่ได้ตัวคนเดียว เป็นเวลานานแล้ว ผมไม่ได้สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมในขณะที่ทำงานไปพร้อมๆกัน

ธุรกิจของผมนั้นพุ่งขึ้นแต่สุขภาพผมและความสัมพันธ์นั้นแย่ลง จากนั้นสุขภาพผมและความสัมพันธ์ก็ดีขึ้น แต่หลายครั้งธุรกิจนั้นมีปัญหาและผมก็ไม่มีเวลาให้ตัวเอง คุณเห็นความเกี่ยวข้องไหม?

ดังนั้นผมถามตัวเองเพื่อค้นหาสิ่งที่สำคัญสำหรับผม ผมสามารถเริ่มจัดลำดับความสำคัญ สิ่งที่จะทำให้ “รถ” ของผมมีอายุตลอดชั่วชีวิตของผม

ผมถามตัวเองด้วยคำถามง่ายๆแต่ทรงพลังเช่น

ผมต้องการอะไรกันแน่?

ทำไมผมถึงยังไม่มีมัน?

แล้วมันจะเป็นยังไงหรือรู้สึกยังไงถ้าผมได้ในสิ่งที่ผมพูด?

แล้วผมต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้ในสิ่งที่พูด?

ผมยังคงถามคำถามแบบนี้ในทุกเรื่องของชีวิต เช่น เงินของผม ธุรกิจของผม สุขภาพของผม ความสัมพันธ์ของผม และอื่น ๆ ตอนนี้คำถามเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นคำถามทั่วไป แต่ผมขอให้คุณถามคำถามเดียวกันนี้กับตัวคุณเองและใช้เวลาในการคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตของคุณเพราะเมื่อคุณค้นพบสิ่งที่สำคัญกับคุณอย่างแท้จริง สิ่งต่าง ๆเหล่านั้นจะสนับสนุนร่างกายและจิตใจตลอดชีวิตของคุณ เมื่อนั้นเส้นทางสู่การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของคุณจะชัดเจนยิ่งขึ้น และนั่นแหละคือ พลังที่อยู่เบื้องหลังความชัดเจน!

ความชัดเจนนำพาชีวิตสู่พลัง และพลังคือความสามารถที่จะลงมือทำ

ตอนนี้สุขภาพของผมดีเยี่ยม ความสัมพันธ์ก็เยี่ยม ธุรกิจก็เยี่ยม และมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นมากกว่าที่ผมเคยจินตนาการ   ดีหรือดี? (Good or good?)

.

หากคุณอยากเปลี่ยน Mindset และพฤติกรรมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า พร้อมเรียนรู้เทคนิคการสร้างความสำเร็จทางชีวิตและการเงิน ทางเราขอแนะนำ สัมมนา Millionaire Mind Intensive สัมมนาที่อัดแน่นด้วยความรู้ ประสบการณ์ และเคล็ดลับตลอด 3 วัน ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและการเงินของคุณไปตลอดกาล >> สนใจกด Banner ด้านล่างได้เลย!

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

12 ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

12 ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

12 ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

30 พฤษภาคม 2568 | เขียนโดย Pan Pho Team. –  ใช้เวลาในการอ่านประมาณ 10 นาที

ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินในบัญชีธนาคาร แต่เกิดจาก “ความคิดและการกระทำ” ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์ ผู้เขียนหนังสือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “เราสามารถเลือกที่จะเป็นคนรวยหรือเลือกที่จะเป็นเหยื่อของความยากจนได้” แต่เราไม่สามารถเป็นทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะวิธีคิดของทั้งสองกลุ่มนั้นต่างกันโดยพื้นฐาน ความมั่งคั่งจึงไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่คือผลลัพธ์ของการตัดสินใจและมุมมองในแต่ละวัน

1.คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อชัยชนะ คนจนเล่นเกมการเงินเพื่อที่จะไม่แพ้

คนรวยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างความมั่งคั่งและใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ พวกเขากล้าที่จะตั้งเป้าหมายใหญ่ มองไกล และพร้อมเผชิญความเสี่ยงเพื่อเติบโต ในทางตรงกันข้าม คนจนมักเล่นเกมการเงินด้วยท่าทีตั้งรับ มุ่งเน้นแค่การเอาตัวรอดและจ่ายบิลให้พอเพียง เมื่อความตั้งใจมีแค่ “พออยู่ได้” ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เกินจากนั้น เพราะถ้าไม่กล้าฝันใหญ่ ก็ยากที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้จริง

2.คนรวยทุ่มเทที่จะรวย คนจนแค่อยากรวย

คนรวยไม่ได้แค่ “อยากรวย” แต่พวกเขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้รวยให้ได้โดยไม่ยอมถอยหลัง พวกเขายอมเสียสละเวลา แรงกาย ความสบาย และความบันเทิง เพื่อแลกกับโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ ในขณะที่คนจนมักหวังแค่พอมีพอกิน ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าทุ่ม จึงไม่อาจไปถึงเป้าหมายที่แท้จริงได้ คนรวยมองว่าความร่ำรวยคือภารกิจของชีวิต และมองว่าการช่วยเหลือผู้อื่นคือส่วนหนึ่งของการสร้างคุณค่าให้โลก พวกเขาเลือกจะ “เล่นเกมใหญ่” เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสังคม และผลตอบแทนคือทั้งความมั่งคั่งทางใจและทรัพย์สิน

3.คนรวยมุ่งความสนใจไปที่โอกาส คนจนมุ่งความสนใจไปที่อุปสรรค

คนจนมักมองเห็นแต่อุปสรรค และปล่อยให้ความกลัวควบคุมการตัดสินใจทุกอย่างในชีวิต คำถามที่มักเกิดในใจพวกเขาคือ “แล้วถ้ามันไม่เวิร์กล่ะ?” ทำให้ไม่กล้าเริ่ม ไม่กล้าเสี่ยง และหยุดอยู่กับที่ แต่คนรวยเลือกที่จะมองหาโอกาสเสมอ และลงมือทำด้วยความเชื่อว่า “ฉันจะทำให้มันเวิร์กให้ได้” พวกเขาใช้เวลาและพลังงานในการลงมือทำ มากกว่าคิดถึงสิ่งที่อาจผิดพลาด เพราะเมื่อเราจดจ่อกับโอกาส เราก็จะสร้างโอกาส แต่ถ้าหมกมุ่นกับอุปสรรค เราก็จะสร้างกำแพงให้ตัวเอง

4.คนรวยชื่นชมผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จคนอื่นๆ คนจนชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ

คนจนมักมองความสำเร็จของผู้อื่นด้วยความอิจฉาและเชื่อว่าคนรวยเป็นสาเหตุแห่งความยากจนของตนเอง แต่ถ้าคุณอยากเป็นคนดีและร่ำรวย คุณต้องเลิกเกลียดชังคนรวยและเริ่มฝึกชื่นชม สรรเสริญ และรักพวกเขาแทน เพราะการเกลียดชังคนรวยจะนำไปสู่ความยากจนในชีวิตคุณ การยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นจะช่วยปลูกฝังความเชื่อที่ดีในจิตใต้สำนึกของคุณว่า เมื่อคุณร่ำรวย คุณก็จะได้รับความรักและการชื่นชมไม่ต่างกัน การเกลียดชังสิ่งที่คนอื่นมี จะทำให้คุณไม่มีวันได้สิ่งนั้นในชีวิต

5.คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ

คนรวยเป็นนักโปรโมทตัวยงที่พร้อมและกระตือรือร้นในการนำเสนอสินค้า บริการ และไอเดียของตน พวกเขาเป็นผู้นำที่ต้องมีทักษะการขายและการจูงใจเพื่อดึงดูดผู้ตาม ในขณะที่คนจนมักมีอคติต่อการขายเพราะประสบการณ์แย่ในอดีต หรือถูกสอนให้ไม่ควรยกตนเอง การไม่โปรโมทตัวเองจะทำให้คุณไม่มีใครรู้จักและไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ คนที่ไม่กล้าโปรโมทมักจบลงด้วยความล้มเหลวทางการเงิน และถ้าคุณอยากรวย คุณต้องพร้อมที่จะก้าวผ่านความกลัวและความอคติเหล่านี้

6.คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนจนมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่

คนจนและคนล้มเหลวมักพยายามหลีกเลี่ยงปัญหา แต่การหนีปัญหาไม่ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้น กลับสร้างความผิดพลาดและสูญเสียแทน เคล็ดลับของความสำเร็จคือการพัฒนาตัวเองให้ยิ่งใหญ่กว่าปัญหา ถ้าคุณมีปัญหาใหญ่ แปลว่าคุณกำลังเติบโตในฐานะคนหนึ่ง ยิ่งรับมือกับปัญหาได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะบริหารงาน ลูกค้า และเงินทองได้มากขึ้นเท่านั้น คนรวยจึงทุ่มเทเวลาและพลังงานวางแผนกลยุทธ์เพื่อแก้ปัญหาและป้องกันไม่ให้ปัญหาเดิมเกิดซ้ำ เปรียบเสมือนการขยายภาชนะบรรจุความมั่งคั่งให้ใหญ่ขึ้นเพื่อดึงดูดและเก็บรักษาความร่ำรวยได้มากขึ้นเรื่อยๆ

7.คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่

หลายคนรู้สึกด้อยค่าหรือไม่คู่ควรกับความสำเร็จ จึงไม่เต็มใจที่จะรับสิ่งดีๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของ “ผู้รับที่ยอดแย่” ความเต็มใจรับจึงสำคัญ เพราะการปฏิเสธการรับเป็นการปิดกั้นพลังงานแห่งความมั่งคั่งและทำร้ายผู้ที่อยากให้ คนรวยร่ำรวยขึ้นเพราะเต็มใจรับส่วนแบ่ง ในขณะที่คนจนยากจนลงเพราะไม่กล้ารับ สิ่งที่ดีคือการฝึกฝนตัวเองให้เป็นผู้รับที่ดีโดยมีสติ เช่น การสร้างบัญชีเงิน “ใช้เล่น” ที่ช่วยสร้างความรู้สึกมีค่าและมั่นใจในตัวเอง เพื่อให้คุณสามารถรับความมั่งคั่งและช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเข้มแข็งได้อย่างแท้จริง เริ่มฝึกเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มั่งคั่งและสมบูรณ์

  1. คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน คนจนเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน

คนรวยมักจะได้รับรายได้ตามผลงานหรือผลตอบแทนจากสิ่งที่ตนสร้างขึ้น ต่างจากคนจนที่มักแลกเวลาทำงานกับเงินเดือนประจำเพื่อความมั่นคงในแต่ละเดือน คนรวยมีธุรกิจหรือแหล่งรายได้หลากหลายรูปแบบ และไม่ทำงานเพื่อแลกกับเวลาเพียงอย่างเดียว แต่ลงทุนสร้างระบบที่ทำให้เงิน “ทำงาน” ให้กับตนเอง เช่น รับค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ตนเป็นเจ้าของ พวกเขาเชื่อมั่นในคุณค่าที่ตนสร้างขึ้น และมองว่าการได้รับผลตอบแทนตามผลงานคือหนทางสู่ความมั่งคั่งที่แท้จริง ในขณะที่คนจนมักกลัวความเสี่ยงและแสวงหาความมั่นคงหรือหลักประกัน ซึ่งจำกัดโอกาสในการเติบโตของตนเองอย่างมาก หากคุณยังคงแลกเวลาทำงานกับเงิน ลองพิจารณาสร้างรายได้ตามผลงานเพื่อโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งที่มากขึ้นและยั่งยืนกว่า

9.คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนจนเก่งเรื่องการบริหารเงินแบบผิดๆ

ความแตกต่างระหว่างคนรวยและคนจนไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดหรือความสามารถ แต่คือ “นิสัย” และ “วิธีการบริหารเงิน” ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คนรวยมีนิสัยบริหารเงินที่ดีและเป็นระบบ ขณะที่คนจนมักบริหารเงินผิดวิธีหรือหลีกเลี่ยงการจัดการเงินอย่างจริงจัง หลายคนเชื่อว่าการบริหารเงินคือข้อจำกัดที่ลดอิสรภาพ แต่จริง ๆ แล้ว การบริหารเงินช่วยเปิดโอกาสให้อิสรภาพทางการเงินในระยะยาว คนจนส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองไม่มีเงินมากพอที่จะต้องบริหารเงิน แต่นี่เป็นความคิดที่ผิด เพราะคนรวยเริ่มบริหารเงินตั้งแต่เงินก้อนเล็กและพัฒนาทักษะจนจัดการเงินก้อนใหญ่ได้ หากไม่ฝึกฝนทักษะนี้ เมื่อมีเงินมากขึ้นอาจเสียเงินไปอย่างรวดเร็ว ระบบบริหารเงินที่ดี เช่น “ระบบ 6 กระปุก” ของที ฮาฟ เอเคอร์ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เงินเติบโตและมั่งคั่งได้อย่างแท้จริง

10.คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนธรรมดาทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน

การทำงานหนักเป็นสิ่งสำคัญ แต่เพียงแค่ทำงานหนักอย่างเดียวไม่ใช่หนทางสู่ความร่ำรวยที่แท้จริง คุณมีสองทางเลือกหลักในการสร้างความมั่งคั่ง คือเพิ่มรายได้ หรือ ลดค่าใช้จ่าย คนจนมักเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายเพราะคิดว่าง่ายและควบคุมได้ แต่การประหยัดจนเกินไปอาจทำให้ชีวิตขาดความสุขและจำกัดโอกาสในระยะยาว คนรวยเลือกที่จะเพิ่มรายได้ แม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน พวกเขาเรียนรู้การบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาด ใช้เงินลงทุนและให้เงินทำงานแทนตัวเอง สุดท้าย การเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่องทำให้คนรวยสามารถมีอิสระทางการเงินและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าการประหยัดอย่างเดียว

11.คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนจนปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง

ความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวลเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางความสำเร็จและความสุขในชีวิต คนรวยเข้าใจว่าแม้จะมีความกลัว แต่พวกเขาไม่ยอมให้ความกลัวนั้นหยุดยั้งการลงมือทำ ในขณะที่คนจนมักปล่อยให้ความกลัวและความกังวลขวางทางความก้าวหน้า คนรวยรู้ว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการขจัดความกลัว แต่เกิดจากการก้าวผ่านความกลัวนั้นไปได้ พวกเขายินดีทำสิ่งที่ยากและไม่สะดวก เพราะเข้าใจว่าการเลือกทำเรื่องง่ายจะทำให้ชีวิตยากขึ้น และการทำเรื่องยากในตอนนี้จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นในอนาคต การกล้าที่จะเผชิญกับความท้าทายเป็นกุญแจสำคัญของความมั่งคั่งและความสำเร็จในระยะยาว

12.คนรวยเลือก “ทั้งสองทาง” คนจนเลือก “ทางใดทางหนึ่ง”

คนรวยอยู่ในโลกแห่งความพรั่งพร้อม ขณะที่คนจนมักอยู่ในโลกของข้อจำกัด แม้ทั้งคู่จะอยู่ในโลกใบเดียวกัน แต่ความแตกต่างอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน คนจนส่วนใหญ่มักมีทัศนคติว่าไม่มีอะไรเพียงพอสำหรับทุกคนบนโลกใบนี้และไม่สามารถมีได้ทุกอย่าง จึงมักเลือกทางใดทางหนึ่งเพียงอย่างเดียว ในทางกลับกัน คนรวยใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อหาหนทางที่จะได้ทั้งสองอย่างในหลายสถานการณ์ พวกเขามองหาโอกาสและวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายทั้งสองพร้อมกัน เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจ คนรวยมักถามตัวเองว่า “ฉันจะมีทั้งสองอย่างได้อย่างไร” ซึ่งเป็นคำถามที่เปลี่ยนชีวิตจากความขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง หากคุณต้องการชีวิตที่ไร้ข้อจำกัดและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ จงปล่อยวางความคิดที่จะต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง และตั้งมั่นที่จะมี “ทั้งสองอย่าง” อย่างมั่นใจ

ถ้าคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงพิมพ์เขียวทางการเงินของตัวเอง เพื่ออนาคตธุรกิจและชีวิตที่มั่นคง สัมมนา “Millionaire Mind Intensive” คือคำตอบของคุณ

Millionaire Mind Intensive Thailand รุ่นที่ 16

สัมมนา 3 วันที่จะช่วยเปลี่ยนกรอบความคิดเรื่องเงินของคุณ สัมมนาต้นฉบับจาก T.Harv Eker ผู้เขียนหนังสือชื่อดังอย่าง “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” (Secrets Of the Millionaire Mind) หนึ่งในหนังสือด้านการเงินและจิตวิทยาด้านความมั่งคั่งอันดับ 1 ของโลก โดยเรียนรู้จากกรณีศึกษา, เวิร์กชอป, และฝึกฝนนิสัยการเงินที่พิสูจน์แล้ว

  • เข้าใจต้นกำเนิดความคิดทางการเงินของตัวเอง
  • ปลดล็อกความเชื่อจำกัดที่กีดกันคุณ
  • สร้างนิสัยของคนรวยอย่างมั่นใจ

ถ้าบทความนี้ทำให้คุณคิดอะไรได้แม้เพียงข้อเดียว สัมมนานี้จะให้คุณถึง 100 ข้อคิดที่คุณไม่เคยรู้

📌 รับจำนวนจำกัด: ลงทะเบียน ที่นี่
📍 จัดที่กรุงเทพฯ พร้อมล่ามภาษาไทยตลอดงาน

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

ทางลัดสู่ความสุขง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนมีอยู่แล้ว (แต่ไม่เคยรู้ตัว)

ทางลัดสู่ความสุขง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนมีอยู่แล้ว (แต่ไม่เคยรู้ตัว)

ทางลัดสู่ความสุขง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนมีอยู่แล้ว (แต่ไม่เคยรู้ตัว)

24 กุมภาพันธ์ 2563 | เขียนโดย Pan Pho Team.

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าของธุรกิจจะรู้สึกเครียด เพราะปัญหามากมายรอบตัว วันนี้เราจะมาแนะนำทางลัดง่ายๆที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถมีความสุขได้และสร้างผลลัพธ์ได้แบบไม่ต้องรอให้คุณร่ำรวย

เจ้าของธุรกิจเคยสังเกตไหมว่า ตัวเองใช้เวลากับการทำงานเยอะเกินไปหรือเปล่า? จากสถิติของจีเอฟเค ประเทศไทย บริษัทวิจัยทางการตลาด ได้เผยการศึกษาถึงไลฟ์สไตล์การทำงานของคนในเอเชีย 21 ประเทศ พบว่า โดยปกติคนเอเชียใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่

แต่ถ้าเปรียบเทียบประเทศอื่นในเอเชีย ประเทศไทยมีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยสูงที่สุด คือ 50.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ เลยทีเดียว ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นๆ ทั้งในอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย

.

ดังนั้น หากเราใช้เวลาในการทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ เราจำเป็นที่จะต้องแน่ใจว่างานที่คุณทำนั้น มีผลดีต่อสุขภาพจิตและชีวิตของคุณ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “งานที่คุณทำนั้นทำให้คุณมีความสุขจริงหรือเปล่า?”

โดยเฉลี่ยแล้วนั้น คนไทยส่วนใหญ่ที่มีธุรกิจหรือทำงานนั้น มักจะใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันในการเดินไปที่ทำงาน หรือคิดง่ายๆคือ ในแต่ละปี คุณจะต้องอยู่บรถยนต์มากกว่า 1095 ชั่วโมง เพื่อเดินไปทำงาน 8 ชั่วโมงและกลับบ้านนอน .. ในขณะที่คนบางคนนำเวลาเหล่านั้นไปอยู่กับครอบครัว คนที่พวกเขารัก หรือแม้แต่นำเวลาเหล่านั้นไปพักผ่อน

เวลาเป็นสิ่งที่ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยหรือยากจน ทุกๆคนบนโลกนี้มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคนที่มีความสุขกับการทำงานและคนที่มีความทุกข์กับการทำงานนั้น เป็นเรื่องของการตั้งคำถามง่ายๆให้กับตัวเองที่ว่า

“ฉันมีมุมมองเกี่ยวกับความสุขในงานของฉันอย่างไร??”

คนส่วนใหญ่มักมีมุมมองเกี่ยวกับความสุขว่า “หาเงินได้เยอะๆ แล้วเดี๋ยวก็คงมีความสุขเอง” ซึ่งนั่นคือความคิดที่คนธรรมดาส่วนใหญ่มักมี เมื่อเราพูดถึงเรื่องมุมมองของความสุขในการทำงาน

แต่หากเราลองมองย้อนกลับไปที่คนที่ประสบความสำเร็จต่างๆ ทั่วโลก คุณอาจจะประหลาดใจกับวิธีคิดเกี่ยวกับการทำงานที่แตกต่างจากคนทั่วๆไปอย่างสุดขั้ว

.

นั่นก็คือ เขาเริ่มต้นจากความสุขง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเขาและมุมมองในการทำงานของพวกเขาคือการไล่ตามความฝันและความท้าทายของพวกเขา มากกว่าการไล่ตามหาเงินทอง

และในวันนี้ เรานำวิธีการสร้างความสุขจากการทำงานอย่างง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจสามารถรเริ่มต้นทำได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้คุณมีเงินเยอะๆ

ทางลัดสู่ความสุขง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนมีอยู่แล้ว (แต่ไม่เคยรู้ตัว)

ทางลัดสู่ความสุข วิธีที่ 1: ปรับ Mindset สร้างความสุข

ก่อนอื่นเจ้าของธุรกิจต้องทำความรู้จักและเข้าใจกับคำว่า Mindset ก่อนว่ามันคืออะไร?

“Mindset” หรือ “วิธีคิด” คือ ความคิดที่ส่งผลต่อพฤติกรรม ซึ่งบางครั้งคุณทำไปโดยไม่รู้ตัว ทำด้วยความเคยชิน เพราะว่ามันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งอาจจะเกิดจากประสบการณ์ที่คุณผ่านมา คำสอนของคนรอบตัว หรือสถานการณ์ต่างๆรอบตัวคุณ

ในสัมมนา Millionaire Mind Intensiveได้พูดถึงที่มาของ Mindset ของคนว่า โดยส่วนมากแล้ว Mindset ของมนุษย์มักมาจาก 3 ปัจจัย คือ

1. คำพูดที่เจ้าของธุรกิจเคยได้ยินจนฝังหัว – ยกตัวอย่างเช่น “ทำงานหนักเพื่อที่จะได้มีเงิน แล้วเดี๋ยวสบายนะ” หรือคำพูดง่ายๆที่คนรอบตัวของคุณมักพูดให้คุณฟังอย่างสม่ำเสมอ

2. ต้นแบบที่เจ้าของธุรกิจเคยเห็น – ยกตัวอย่างเช่น ไอดอลที่คุณเคารพนับถือ หรือคนใกล้ตัวที่ส่งผลต่อวิธีคิดและการตัดสินใจของคุณ ที่มีผลลัพธ์ด้านการเงิน ความรัก ความสำเร็จอย่างชัดเจน จนคุณอยากจะเป็นเหมือนกับเขา

3. เหตุการณ์ฝังใจที่เจ้าของธุรกิจเคยมีประสบการณ์ – ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ในวัยเด็ก ที่อาจจะส่งผลมาถึงวิธีการที่คุณตัดสินใจมาจนถึงทุกวันนี้ โดยอิงจากผลลัพธ์หรือความรู้สึก และอารมณ์ ที่เกิดขึ้นจากช่วงเวลานั้นๆ

จากทั้ง 3 ปัจจัยนี้ หล่อหล่อมเป็น Mindset และส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเจ้าของธุรกิจและมุมมองที่คุณมีเกี่ยวกับความสุขผ่านการทำงานของคุณ

มีคำกล่าวจาก T.Harv Eker ผู้เขียนหนังสือ The Secret of Millionaire Mind และนักธุรกิจที่ค้นพบหลักการ Money Mindset ว่า “คนประสบความสำเร็จจะทำงานเพื่อเอาคุณค่าและผลลัพธ์ของตัวเองแลกกับเงิน ในขณะที่คนทั่วไปมักเอาเวลาไปแลกกับเงิน”

.

ปกติแล้ว Mindset ของคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาและทุ่มเทไปกับการทำงานตั้งแต่เช้าถึงมืดค่ำ ทำวนไปเรื่อยๆ ทุกวัน ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนเอาเวลาของเขาไปแลกเป็นเงินจนหมดแล้ว ไม่มีเวลาพักผ่อน หรือหาความสุขให้กับตัวเอง

.

แต่ขณะเดียวกัน Mindset ของคนที่ประสบความสำเร็จมักคิดว่า พวกเขามีคุณค่าหรือความสามารถอะไรที่ให้กับองค์กรได้ แทนที่จะเอาเวลาเข้าแลก เขาจะเอาความสามารถเข้าแลกเป็นเงิน และยิ่งเขาสร้างคุณค่าให้กับองค์กรมากเท่าไหร่ ยิ่งได้เงินมากเท่านั้น ที่สำคัญคนประสบความสำเร็จมักเอาเวลาไปสร้างความสุขเสียมากกว่า

คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักวันละหลาย 10 ชั่วโมงเพื่อที่คุณจะได้มีเงินมากและมีความสุข เพียงแค่คุณเปลี่ยน Mindset หรือวิธีคิดเพียงนิดเดียว คุณก็สามารถสร้างผลลัพธ์ทั้งชีวิตและการเงินของคุณได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

.

สรุป: Mindset หรือวิธีคิด จะเป็นตัวจัดการระบบความคิดของคุณและทำให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ดังนั้น การปรับ Mindset ให้ถูกต้อง ก็สามารถทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยน เจ้าของธุรกิจจะเก่งขึ้น ร่ำรวยขึ้น มีความสุขกับการทำงานมากขึ้น และประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ซึ่งการจะสร้างความสุขง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจสามารถทำได้ คือ การเริ่มเปลี่ยน Mindset ที่ตัวเจ้าของธุรกิจนั่นเอง

ทางลัดสู่ความสุข วิธีที่ 2: มองเห็นและเข้าใจคุณค่าในตัวเอง

คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหม? ไม่มีใครในโลกจะสร้างความสุขให้ตัวคุณได้ นอกจากตัวคุณเอ” เป็นเรื่องจริงที่ว่า ไม่มีใครสามารถสร้างความสุขให้เจ้าของธุรกิจได้ดีไปกว่าตัวเจ้าของธุรกิจเอง

จริงอยู่ที่คุณอาจจะมีลูกน้อง และคนอื่นๆในองค์กรมาช่วยคุณทำงานให้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น แต่หากคุณยังมีมุมมองที่ว่า ต้องพึ่งพาคนอื่นๆ เพื่อให้คุณทำงานเสร็จ คุณก็จะต้องหวังพึ่งพิงผู้อื่นอยู่ร่ำไป 

ซึ่งวิธีการที่จะสร้างความสุขที่ยั่งยืนที่สุดนั้นจะต้องเกิดขึ้นจากภายในตัวของคุณเอง เพราะต่อให้เวลาเปลี่ยนแปลงออกไป เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปสักเพียงไหน คุณก็จะยังสามารถสร้างความสุขได้จากมุมเล็กๆ ในทุกๆสถานการณ์เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเลวร้ายสักเพียงไหนก็ตาม

คุณอาจจะมีวันเวลาที่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการแก้ไขปัญหา และดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางจบลง หรือคุณอาจจะเบื่อหน่ายกับการทำงานที่จำเจของคุณ แต่อย่าลืมที่จะให้คุณค่ากับตัวคุณเองด้วยการเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณทำ และถามตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า

นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อคุณค่าของตัวเองหรือเปล่า?

.

เราขอยกตัวอย่างง่ายๆที่เรามักทำกันในสัมมนา Millionaire Mind Intensive ที่เราจัดขึ้นทุกๆปี เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของเรานั้นได้เดินทางไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการจริงๆ

ในสัมมนา เรามักจะพูดถึงคำว่า “คุณค่า” ที่อยู่ใกล้ๆตัวเจ้าของธุรกิจมากเสียจนเราลืมไปแล้ว นั่นก็คือ การนำความหลงไหล (Passion) และความเชี่ยวชาญ (Expertise) มารวมเข้าด้วยกันและสร้างออกมาเป็นวิธีคิดแบบใหม่ที่จะขับเคลื่อนชีวิตและธุรกิจของคุณอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

.

สรุป: วิธีการเห็นคุณค่าตัวเองที่ง่ายที่สุด คือ การเห็นคุณค่าและความสามารถในตัวเอง อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ การรู้ว่าคุณสามารถทำอะไรได้ดีและนำสิ่งนั้นมาต่อยอด โดยต้องมีจุดมุ่งหมายของการทำงานที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าของธุรกิจประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการประสบความสำเร็จ คือ การที่เจ้าของธุรกิจเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เป็นธรรมดาที่เจ้าของธุรกิจจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและไม่มีความสุข ไหนจะเจอทั้งปัญหาการทำงานหนัก ปัญหารถติด หรือปัญหาต่างๆ ในที่ทำงาน จนเกิดอาการหมดไฟ แต่เจ้าของธุรกิจต้องมีวิธีการรับมือกับอาการหมดไฟเหล่านี้ โดยการเติมเชื้อไฟในการทำงานขึ้นมาใหม่ด้วยความสุข ซึ่งทางลัดทั้ง 2 วิธีข้างต้นนั้น

เป็นวิธีการหาความสุขอย่างง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนมีอยู่แล้ว (แต่ไม่เคยรู้ตัว) เพราะการหาความสุขที่ง่ายที่สุด คือ การหาความสุขจากตัวคุณเอง และการสร้างความสุขที่ง่ายและดีที่สุด คือ การสร้างความสุขจากตัวคุณเองด้วยการเปลี่ยน Mindset ให้ถูกต้องและการเห็นคุณค่าในตัวเองนั่นเอง

.

หากคุณอยากเปลี่ยน Mindset และพฤติกรรมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า พร้อมเรียนรู้เทคนิคการสร้างความสำเร็จทางชีวิตและการเงิน ทางเราขอแนะนำ สัมมนา Millionaire Mind Intensive สัมมนาที่อัดแน่นด้วยความรู้ ประสบการณ์ และเคล็ดลับตลอด 3 วัน ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและการเงินของคุณไปตลอดกาล >> สนใจกด Banner ด้านล่างได้เลย!

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก