10%ของเงินเดือน ก็ไปเที่ยวต่างประเทศได้

10%ของเงินเดือน ก็ไปเที่ยวต่างประเทศได้

10%ของเงินเดือน ก็ไปเที่ยวต่างประเทศได้

17 มิถุนายน 2562 | เขียนโดน Pan Pho Team.

บางท่านอาจมองว่าการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ไกลตัวเหลือเกิน แต่จริงๆแล้วเพียงแค่คุณหันมาออมเงิน 10% จากรายได้ต่อเดือนของคุณ ก็สามารถนำมาสร้างความสุขในการออกเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศได้ตามจำนวนเงินรายได้ของคุณ วันนี้เราจะแสดงให้คุณเห็นว่าไม่ว่าเงินเดือนหลักหมื่นหรือห้าหมื่นก็สามารถนำมาสร้างความสุขให้คุณในการท่องเที่ยวได้เช่นกัน

หากคุณมีรายได้ 15,000 บาท ต่อเดือน แบ่งเก็บ 10% ต่อเดือน เท่ากับจำนวนเงิน 1,500 บาท คุณใช้ระยะเวลาสะสมเพียง 10 เดือน คุณจะได้เงินจำนวน 15,000บาท บางท่านอาจมองว่าเงินจำนวนหมื่นต้นๆจะสามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้หรอ? ไปได้จริงมั้ย? วันนี้เราจะมาบอกว่าเงินเพียงเดือนหลักหมื่น ก็สามารถพาคุณไปท่องเที่ยวต่างแดนได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ พม่า กัมพูชา มาเลเซีย หรือ เวียดนาม 

ที่เที่ยวน่าไปสำหรับคนเงินเดือน 15,000: เวียดนาม (อัปเดตปี2019)

ประเทศเวียดนาม หนึ่งในประเทศท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทยในช่วงนี้ คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวดานัง ด้วยงบ 15,000 บาท คุณจะได้เดินทางไปยังเมืองท่าที่สำคัญของเวียดนาม มีทั้งทะเลใส หาดทรายขาวสวยติดอันดับของโลก ประเทศเวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจในทางด้านวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างหลากหลายไม่ว่าจะจีน หรือ ฝรั่งเศส

แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในดานังอย่าง Bana Hills ถูกสร้างขึ้นจากชาวฝรั่งเศสที่ได้เข้ามาสร้างไว้เมื่อ 120 ปีที่แล้ว สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเหมือนคุณได้เดินทางไปเที่ยวยุโรปขนาดย่อม Bana Hills บรรยากาศแบบเมืองเทพนิยายบนดานัง ที่มีทั้ง สวนดอกไม้ สวนสนุก ร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรมหรู และ Golden Bridge ถือได้ว่าเป็น Landmark ที่ทุกคนต้องไปเช็คอินเมื่อเดินทางไปเที่ยวดานัง

การเดินทางท่องเที่ยวดานังด้วยงบ 15,000 บาท (4วัน 3 คืน) (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)

  • ค่าตั๋วไปกลับกรุงเทพฯ – ดานัง เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
  • ค่าที่พัก เริ่มต้นที่ 600 บาท/ต่อคืน
  • ค่าอาหาร เริ่มต้นที่ 75 บาท/ต่อมื้อ
  • การเดินทางในดานัง เริ่มต้นที่ 500 บาท/ต่อวัน

 รายได้ 25,000 บาท ต่อเดือน หากคุณแบ่งเก็บ 10% เป็นจำนวนเงิน 2500 บาทต่อเดือน คุณใช้เวลาสะสมเป็นเวลา 10 เดือน คุณจะได้เงินจำนวน 25,000 บาท ที่จะพาคุณเดินทางไปท่องเที่ยวในดินแดนยอดนิยมอย่าง ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า หรือ บาหลี (เกาะชื่อดังของประเทศอินโดนีเซีย)

ที่เที่ยวน่าไปสำหรับคนเงินเดือน 25,000 : บาหลี (อัปเดตปี2019)

บาหลีเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อน เกาะที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก อีกทั้ง บาหลี ขึ้นชื่อเรื่องของความสวยงามทางด้านวัฒนธรรมดั้งเดิม อาทิเช่น วัด พิธีกรรม ศิลปะต่างๆ สถานที่ highlight ที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปเยือนบาหลีแล้วต้องไปเช็คอินคือ Pura Ulun Danu Bratan หรือ ที่คนไทยหลายๆคนเรียกว่า วัดบราตัน เทวสถานกลางทะเลสาบ ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1633 เพื่อให้เทพเจ้าฮินดูผู้ดูแลน้ำและทะเลสาบที่ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญต่อการทำเกษตรของชาวเกาะบาหลี

การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะบาหลีด้วยงบ 25,000 บาท (4วัน 3 คืน) (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)

  • ค่าตั๋วไปกลับกรุงเทพฯ-ดานัง เริ่มต้นที่ 3,000 บาท/ต่อเที่ยว
  • ค่าที่พักเริ่มต้นที่ 1,500 บาท/ต่อคืน
  • ค่าอาหาร เริ่มต้น 100 บาท/ต่อมื้อ
  • การเดินทางในดานัง เริ่มต้นที่ 1000 บาท/ต่อวัน

แต่ถ้าหากคุณมีรายได้ถึงเดือนละ 35,000 บาท เพียงแค่ออมเงิน 10ของเงินเดือน เป็นเงิน 3,500 บาท ออมทั้งหมด 10 เดือน คุณจะได้เงินเก็บในส่วนของการใช้จ่ายไปเที่ยว เป็นเงิน 35,000 บาท โดยสามารถพาคุณเดินทางไปเยือนทวีปยุโรปได้ ในราคาของบริการทัวร์ เริ่มต้นเที่ยวประเทศในยุโรปที่ราคา 30,000 บาท ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส ฮังการี หรือ อิตาลี

เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากที่จะได้เดินทางไปเที่ยวประเทศในยุโรป แต่บางคนอาจมองว่าการเดินทางไปยุโรปเป็นเรื่องที่ยากและมีค่าใช้จ่ายเยอะ แต่ความจริงแล้วคุณสามารถเดินไปเที่ยวยุโรปได้ด้วยจำนวนเงิน 35,000 บาท ด้วยทางเลือกบริการอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ‘ทัวร์’ การใช้บริการจากทัวร์ที่จัดทริปท่องเที่ยวให้คุณ แม้คุณอาจจะไม่มีอิสระในการท่องเที่ยวได้อย่างที่ต้องการ แต่ถือว่าเป็นทางเลือกสำหรับผู้มีงบจำกัดในการท่องเที่ยว ถือเป็นทางเลือกที่สามารถพาคุณไปท่องเที่ยวที่ยุโรปได้

ที่เที่ยวน่าไปสำหรับคนเงินเดือน 35,000 : อิตาลี  (อัปเดตปี2019)

35,000 บาท คุณสามารถซื้อบริการจากบริษัททัวร์ โดยทัวร์ท่องเที่ยวประเทศในยุโรปมีราคาขั้นต่ำตั้งแต่ 29,000 – 35,000 บาท เช่น ประเทศอิตาลี เมืองในฝันของใครหลายๆคน เมืองแห่งแฟชั่น และการช็อปปิ้งอย่างมิลาน ทั้งยังมีศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามอย่าง มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral) มหาวิหารโกธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ธรรมชาติทัศนียภาพที่ละลานตา ทะเลสาบโคโม่ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในอิตาลี คุณสามารถดื่มด่ำได้ทั้งความสวยงามและความเป็นระเบียบของสิ่งก่อสร้างโบราณชื่อดัง หรือบรรยากาศความสวยงามด้านทัศนียภาพของธรรมชาติ

การเดินทางข้ามเส้นขอบฟ้าไปยังดินแดนที่ห่างไกลจากประเทศไทยและสามารถท่องเที่ยวหลากหลายประเทศในครั้งเดียว หากคุณมีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนและเก็บออม 10% ของเงินเดือนเป็นเงินจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน เก็บเป็นเวลา 10 เดือน คุณจะได้เงินเก็บส่วนนี้เป็นเงิน 50,000 บาท คุณจะสามารถใช้บริการทัวร์ท่องเที่ยวที่รวบรวมประเทศในแถบยุโรปตะวันออกไว้ คุณจะได้ไปประเทศทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติเหล่านี้ ออสเตรีย สโลวาเกีย และ สาธารณรัฐเช็ค

ที่เที่ยวน่าไปสำหรับคนเงินเดือน 50,000 : ยุโรปตะวันออก  (อัปเดตปี2019)

ข้อดีของการใช้บริการทัวร์ คือคุณสามารถไปท่องเที่ยวได้หลากหลายที่ในงบประมาณที่จำกัด คุณสามารถได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่หลากหลายวัฒนธรรมในยุโรปตะวันออกเมืองแห่งความ Classic Romantic และเมืองแห่งการท่องเที่ยว คุณจะได้พบกับจุด Landmark ชื่อดังไม่ว่าจะเป็น ประตู michalska brana  ที่บราติสลาวา สะพานชาร์ล ที่กรุงปราก เดินทางไปชมกับพระราชวังเชรินน์บรุนน์ ที่เวียนนา

ใครว่ารายได้ของคุณจะไม่สามารถพาคุณออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายจากทั่วมุมโลกได้ เพียงแค่คุณรู้จักวิธีการจัดการในการบริหารเงินให้มีถูกวิธีและประสิทธิภาพ คุณไม่จำเป็นต้องอดเพื่อออม และยังมีเงินเหลือเก็บเพื่อใช้สร้างความสุขส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะรายได้ 15,000 หรือ 35,000 หากคุณไม่รู้จักการจัดสรรและบริหารเงินที่ดี คุณก็ไม่สามารถมีความสุขในจำนวนของเงินเดือนของตัวเองได้

วิธีการออมเงินที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ระบบ 6JARS คือ วิธีการจัดสรรรายได้ของคุณให้เป็นระบบ โดยมีการแบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วน ที่มีวัตถุประสงค์ในการเก็บเงินแต่ละกระปุกที่ต่างกันออกไป 6JARS ถือ เป็นวิธีการบริหารเงินที่ง่ายต่อการปฏิบัติตามและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

การเก็บเงินตามวิธีการ 6JARS สามารถช่วยให้คุณบริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้คุณใช้จ่ายเกินตัว และมีเงินเก็บที่สามารถสร้างผลกำไรเมื่อเวลาผ่านไป ถือเป็นวิธีการที่ปฏิบัติตามได้ง่าย แต่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน คุณสามารถเปลี่ยนระบบความคิดเกี่ยวกับการเงินของตัวเอง กล้าที่จะใช้จ่าย ไม่ต้อง “อด” เพื่อ “ออม” ถือได้ว่ามีเงินเพียงพอที่จะนำมาสร้างความสุขให้ตนเองได้


ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

12 เรื่องต้องรู้ก่อนเริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ [อัพเดตปี 2024]

12 เรื่องต้องรู้ก่อนเริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ [อัพเดตปี 2024]

12 เรื่องต้องรู้ก่อนเริ่มธุรกิจอสังหาฯ [อัพเดตปี 2024]

เปิดเคล็ดลับการทำอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบใน 12 ขั้นตอนแบบไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก

หลายคนเชื่อว่าการลงทุนทำธุรกิจหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นหนทางสู่ความร่ำรวย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแล้วจะรวย  หลายคนที่ทำแล้วเจ๊งหมดตัวเลยก็มี คนที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วประสบความสำเร็จจะให้ความสำคัญ  เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เจาะลึกข้อมูล และทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแตกต่างๆ กับคนที่ทำอสังหาฯ แล้วเจ๊งโดยไม่รู้สาเหตุ

ผู้ประกอบการหรือนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องมีความรู้อย่างน้อย 12 เรื่องดังนี้

1. ทำเล
โครงการอสังหาฯ แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างมาก สำหรับคนที่มีที่ดินอยู่แล้วก็ถูกบังคับด้วยโจทย์ของที่ดินว่าเหมาะสำหรับทำโครงการอสังหาฯประเภทไหน แต่สำหรับคนที่ยังไม่มีที่ดิน จะมีทางเลือกในการทำโครงการในฝันได้มากกว่า
.
อย่างไรก็ตามการเลือกทำเลในการทำโครงการอสังหานั้นก็มีปัจจัยในการพิจารณาหลักๆ ดังนี้ เช่น ประชากรต่อพื้นที่ (ดูได้ที่ สถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง) เพื่อวิเคราะห์ว่าประเภทของโครงการอสังหาฯ ที่กำลังคิดจะทำนั้นเหมาะสมกับพฤติกรรมของประชากรที่อยู่ในพื้นที่นั้นหรือไม่ เช่น หาคุณอยากทำโครงการคอนโด แต่ประชากรในพื้นที่ยังไม่หนาแน่น การเดินทางที่เข้าถึงยาก ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ตลาด ร้านอาหาร โรงเรียน ซูปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ถ้าฝืนทำโครงการ ก็อาจจะใช้เวลาหลายปี หรือ เป็นสิบปีจนกว่าบริเวณรอบโครงการจะเจริญ รวมทั้งราคาประเมินที่ดิน (ดูเพิ่มเติม สำนักงานที่ดิน กรมธนารักษ์) จะคุ้มค่าในการลงทุนทำโครงการหรือไม่

2. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงการอสังหาฯ
อย่าเพิ่งทำการใดๆ ถ้ายังไม่รู้ว่าที่ดิน หรือ ทำเลที่ตั้งที่กำลังจะทำโครงการอสังหาฯ นั้นเป็นสีใดในผังเมือง (กฎหมาย ด้านโยธาธิการและผังเมือง) เพราะแต่ละสีมีเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ของที่ดิน และ ราคาซื้อขายที่แตกต่างกัน หากไม่ศึกษาให้ดี อาจไม่สามารถเปิดโครงการได้เพราะผิดกฎหมาย ทำให้มีผลกับต้นทุนของโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ผังเมืองสีเขียว (เกษตรกรรม) ไม่สามารถทำโครงการบางประเภทได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า คอนโดฯ ถ้าเกิดมีที่ดินมรดกอยู่ในผังเมืองสีเขียว ก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปทำโครงการสวนเกษตร ปลูกผักออแกนิค หรือ ศึกษาเทรนของตลาดเพื่อมาใช้ศักยภาพของที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ที่ยังไม่ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนประสบความผิดพลาดล้มเหลวได้

3. การออกแบบโครงการอสังหาฯ 
เมื่อศึกษาจนรู้ (สีผังเมือง) ว่าจะสร้างโครงการอสังหาฯ แบบไหนบนแปลงที่ดินที่เลือกไว้แล้ว เช่น จะสร้างโครงการทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็ก ก็ต้องออกไปสำรวจวิจัยตลาดว่า เจ้าถิ่น คู่แข่งหลัก คู่แข่งรอง ออกแบบโครงการอย่างไร มีคอนเซป และจุดขายอย่างไร ถ้ามีโครงการไหนถูกใจบ้าง ก็เก็บข้อมูลไว้ให้ละเอียดเพื่อมาทำการวิเคราะห์ว่าโครงการที่กำลังจะเริ่มพัฒนาสามารถทำให้ทัดเทียม หรือดีกว่าได้หรือไม่ หากออกแบบโครงการได้ดีกว่า มีจุดเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า และ ตลาดบริเวณนั้นยังไม่มีก็มีโอกาสชนะได้มากยิ่งขึ้น
.
อย่างไรก็ตามเวลาไปสำรวจตลาด ควรให้สถาปนิก หรือ ผู้ที่รับผิดชอบด้านการวางแผนการตลาดไปดูด้วยเพื่อจะได้เห็นมุมมองมาออกแบบรูปแบบบ้าน (สถาปนิกช่วยได้) วิจัยและวิเคราะห์จุดแข็งเพื่อเตรียมวางแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย (นักการตลาดช่วยได้)

4. การออกแบบสินค้า
ถือว่าเป็นงานปราบเซียนของนักพัฒนาอสังหาฯ มือใหม่ที่จะต้องออกแบบสินค้าให้แตกต่างกับคู่แข่งที่อยู่ในพื้นที่ มีความทันสมัย ตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ขนาดของครอบครัวจะสัมพันธ์กับจำนวนห้อง พฤติกรรมการกินอยู่ ทำอาหารกินเอง หรือ ซื้อบ่อยกว่าจะมีความสัมพันธ์กับขนาดห้องครัว ถ้าครอบครัวใหญ่ ห้องครัวจะต้องใหญ่ หรือ อาจจะมีครัวไทยแยก พฤติกรรมการเดินทางไปทำงาน ไปด้วยรถยนต์ส่วนตัว จะสัมพันธ์กับที่จอดรถ 1 คัน 2 คัน เป็นต้น
.
นักพัฒนาอสังหาฯ ควรให้ความใส่ใจในการใช้มืออาชีพมาออกแบบสินค้า เช่น ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว คอนโด โดยสถาปนิกมืออาชีพและมีความประสบการณ์เชี่ยวชาญในการออกแบบสินค้าประเภทนั้น เพราะผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิดในการออกแบบ และ ช่วยออกแบบให้สินค้ามีจุดเด่นเหนือคู่แข่ง และลูกค้าอยากได้ ข้อควรระวัง อย่าใช้สถาปนิกผิดประเภท เช่น เชี่ยวชาญออกแบบโรงงานมาออกแบบทาวน์เฮ้าส์ หรือ อย่าไปลอกเลียนแบบห้องของโครงการนี้มาแปะร่วมกับโครงการนั้น เพราะแต่ละแบบบ้านมีที่มาแตกต่างกัน สุดท้ายขายไม่ออก เดี๋ยวจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียได้” 

5. การขอสินเชื่อ
สินเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพราะโครงการอสังหาริมทรัพย์แต่ละโครงการจำเป็นต้องใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมากกว่าจะทำให้โครงการเสร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่เริ่มซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้าง การเสริมสภาพคล่องให้โครงการเพื่อให้สามารถส่งมอบบ้าน หรืออาคารที่เสร็จสมบูรณ์ให้กับผู้ซื้อ ผู้ประกอบการต้องศึกษาข้อมูลการขอสินเชื่อ และ ประเภทวงเงินให้ชัดเจน ว่าต้องการเงินไปเพื่อกู้ซื้อที่ในการพัฒนาโครงการ กู้เพื่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น ถมดิน ปรับปรุงสภาพที่ดิน หรือพัฒนาสาธารณูปโภคในโครงการ กู้เพื่อเป็นค่าก่อสร้างอาคารในโครงการ ตามประเภทของการพัฒนา เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือ คอนโดฯ และต้องเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อประกอบในการยื่นขอสินเชื่อ 
.
อย่ามัวแต่คิด และอยู่ในความสงสัย ให้เดินไปหาสถาบันการเงินดีกว่านั่งคิดคนเดียว จะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน โดยส่วนใหญ่จะไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะสถาบันการเงินเหล่านั้นต้องการแย่งลูกค้า(ชั้นดี)เพื่อให้มาขอสินเชื่ออยู่แล้ว 

6. การบริหารต้นทุน
ต้นทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำโครงการ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และ เตรียมตัวทางการเงินไว้เป็นอย่างดี เพราะต้องใช้เงินทุนมากมายกว่าจะทำโครงการให้ประสบความสำเร็จได้สักหนึ่งโครงการ
.
ต้นทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีหลักใหญ่ๆ ดังนี้ ต้นทุนขาย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดจากที่ดินที่จะจัดสรรขาย ค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มโครงการ ค่าจัดทำสาธารณูปโภค เช่น ค่าที่ดิน ค่าถมดิน ค่าก่อสร้าง ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบระบายน้ำ ระบบโทรศัพท์ ค่าก่อสร้างสระว่ายน้ำ ค่าปลูกต้นไม้ ถนน ค่ารื้อถอน ค่าก่อสร้าง เป็นต้น ผู้ประกอบการจึงมีความจำเป็นต้องหาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ มาช่วยทำด้านนี้เพื่อจะได้จัดสรรเงินลงทุน ค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ยสินเชื่อ และ สภาพคล่องเพื่อทำให้โครงการสามารถเดินหน้าโดยไม่สะดุดและควบคุมต้นทุนได้ตามที่วางไว้

7. การบริหารงานก่อสร้าง
โครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายที่มีปัญหากับผู้รับเหมา และ ทำให้เกิดความล่าช้าไม่สามารถทำงานก่อสร้างได้ตามเป้าหมาย เป็นเพราะผู้ประกอบการขาดความรู้ ความเข้าใจ ความรัดกุมในการบริหารงานก่อสร้าง
.
ผู้ประกอบควรหาความรู้ด้านการบริหารงานก่อสร้าง (Construction Management) เพื่อจะมีความรู้ในการทำงานกับผู้รับเหมาตั้งแต่ช่วงก่อนการก่อสร้าง” “ช่วงระหว่างการก่อสร้าง” “ช่วงหลังงานก่อสร้างเพื่อจะได้ควบคุมงบประมาณและงานก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
แต่หากผู้ประกอบการพอมีงบประมาณในการจ้างมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารงานก่อสร้างมาทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา ก็จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระและได้รับผลงานตรงตามรูปแบบที่ต้องการอย่างมีมาตรฐาน ทำให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในงบประมาณที่กำหนด และยังช่วยกำกับดูแลให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามเป้าหมายที่วางไว้โดยไม่ต้องปวดหัวกับการแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

8. การตั้งราคาขาย
ผู้ประกอบการต้องมีความรู้ปัจจัยต่างๆ เพื่อใช้ในการตั้งราคาขายอสังหาฯ เช่น ต้นทุนค่าที่ดินและงานก่อสร้าง (ไม่ควรเกิน 70%ของราคาขาย) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การแข่งขันในตลาด ราคาของคู่แข่งมีผลต่อการกำหนดราคาและควรตั้งราคาให้จูงใจลูกค้า กำลังซื้อหรือความสามารถในการซื้อของลูกค้า
.
ปัจจัยเหล่านี้สามารถชี้อนาคตของโครงการได้เลยว่าจะขายได้หรือไม่ เพราะหากตั้งราคาต่ำกว่าตลาดมากไปก็จะขาดทุน หากตั้งราคาสูงไปก็จะขายได้ยากเมื่อลูกค้านำราคาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง อีกปัจจัยสำคัญคือ ราคาหรือมูลค่าตลาด (Market Value) ในขณะนั้นเป็นสำคัญ ซึ่งการตั้งราคาขายที่สูงกว่าหรือต่ำกว่ามูลค่าตลาดจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณลูกค้าที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นๆ 

9. การวางแผนการตลาด
ส่วนสำคัญในการทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์แต่ละโครงการให้สามารถขายได้ตามเป้าประสงค์นั้นมาจากการวางแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ นักพัฒนามืออาชีพจะให้ความสำคัญกับการวางแผนการตลาดตั้งแต่เริ่มต้นจัดทำโครงการ เนื่องจากการวางแผนการตลาดจะต้องนำข้อมูลคู่แข่ง ราคา กลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์ส่งเสริมการขายมาวิเคราะห์เพื่อหาแผนที่ดีที่สุดเพื่อให้โครงการอสังหาสามารถปิดการขายได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้โครงการได้รายได้และผลกำไรตามที่ต้องการหรืออาจสูงกว่าที่คาดไว้เพราะประหยัดต้นทุนค่าดอกเบี้ยและค่าบริหารการขาย
.
ปัจจุบันการวางแผนการตลาดและส่งเสริมการขายสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำนวนมากผ่านทางออนไลน์ทำให้ผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนและเวลาไปได้มาก อย่างไรก็ตามผู้ประกอบต้องติดตามกลยุทธ์ทีใช้และผลตอบรับอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับเปลี่ยนให้ทันกับตลาดและสถานการณ์

10. สินเชื่อสำหรับลูกค้า
ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องศึกษาข้อมูลสินเชื่อสำหรับลูกค้าสำหรับการซื้ออสังหาฯ ในระดับราคาต่างๆ ของโครงการได้โดยปรึกษากับสถาบันการเงินที่โครงการใช้อยู่ หรือ ธนาคารที่มีนโยบายที่เอื้อต่อโครงการ เช่น ดอกเบี้ยอัตราที่ดี การให้วงเงินกู้สูง เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้า และทำให้เกิดการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการจัดทำเป็นข้อมูลสำหรับส่งเสริมการขาย
.
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการสามารถวางแผนคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมและมีกำลังซื้อได้ตั้งแต่เริ่มทำโครงการ เพราะหากเน้นราคาต่ำเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อน้อย ถึงแม้จะขายได้จริง แต่อาจจะติดปัญหาไม่สามารถโอนหลักทรัพย์ได้ เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ของสถาบันการเงิน ทำให้ปิดโครงการไม่ได้ เกิดต้นทุนเพิ่มและเสียโอกาสการขาย

11. การเตรียมการขาย
ไม่ว่าจะเป็นโครงการอสังหาฯ ขนาดเล็ก หรือ ใหญ่ ผู้ประกอบควรให้ความสำคัญกับเรื่องเอกสารเพื่อใช้ในการขาย เพราะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า เช่น ใบราคา เงื่อนไขการซื้อ การผ่อนชำระ การผิดนัดชำระ รายละเอียดทรัพย์ที่ลูกค้าประสงค์จะซื้อ เงื่อนไขการปรับเปลี่ยนแก้ไขต่อเติม สัญญาจะซื้อจะขาย และเอกสารอื่นๆ ที่ทำให้ผู้ซื้อทราบข้อมูลที่ชัดเจนและเกิดความสบายใจ ผู้ขายเองก็ไม่ต้องปวดหัวกรณีผู้ซื้อผิดสัญญา และผู้ซื้อได้ทราบและทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนตัดสินใจซื้อ
.
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญสำหรับการขายอีกอย่างคือ พนักงานที่ดูแลการขาย ควรได้รับการอบรมความรู้ของสินค้าเป็นอย่างดี บุคลิกน่าเชื่อถือ สุภาพ มีใจรักบริการ พร้อมทั้งมีข้อมูลของคู่แข่งมากพอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่กำลังลังเลในการตัดสินใจ หากมีครบตามที่กล่าวมาก็จะสร้างโอกาสปิดการขายที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

12. บริการหลังการขาย
หากเป็นโครงการอสังหาฯ ขนาดเล็กที่ไม่เข้าเกณฑ์กฎหมายจัดสรรก็ไม่จำเป็นต้องมีนิติบุคคลในการดูแลหลังการขาย อาจมีการดูแลรับประกันการก่อสร้างตามระยะเวลา แต่สำหรับโครงการอสังหาฯ ที่เข้ากฎหมายจัดสรร ผู้ประกอบการจะต้องจัดให้มีนิติบุคคลดูแลโครงการต่อไป เช่น คอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร ผู้ประกอบการต้องมีนิติบุคคลมืออาชีพคอยดูแลหลังจากที่ส่งมอบทรัพย์กันเรียบร้อยแล้วคอยดูแลเรื่องซ่อมบำรุงรักษาให้โครงการสวยงามน่าอยู่ ดูแลความปลอดภัยที่ทำให้อุ่นใจ ดูแลชุมชนให้น่าอยู่
.
ผู้ประกอบการที่ดีต้องให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายเพราะเป็นต้นทุนของการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้โครงการ และ เกิดการบอกต่อในด้านดีกับลูกค้าของโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งโครงการหลายแห่งเมื่อมีการขยายโครงการในทำเลใหม่ก็เกิดการจอง และ ซื้อขายหมดเพียงเปิดตัวโครงการไม่กี่วัน ประหยัดต้นทุนการตลาดและการขายได้อย่างคิดไม่ถึง

หากคุณกำลังอยากจะมีโครงการอสังหา หรือ กำลังคิดอยากมีโครงการของตนเอง  หลักสูตร Silpakorn University Real Estate Program (SURE) คือหนึ่งในหลักสูตรที่ได้รับความนิยมด้วยเนื้อหาและวิทยากรชั้นนำระดับประเทศมาให้ความรู้ เครื่องมือ และมิติการทำงานในโลกของอสังหาริมทรัพย์ไทยตลอดทั้ง 7 สัปดาห์ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดและช่องทางการสมัครได้แล้ววันนี้ที่ LINE:@PANPHO หรือ 094-242-4197 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

ทีมงาน PAN PHO | ภารกิจของเรา คือ การยกระดับชีวิตด้วยความรู้คุณภาพ  เราคัดสรรความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ที่มีผลลัพธ์  เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมายตลอดเวลาที่ผ่านมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE:@PANPHO หรือ 094-242-4197 (ตลอดเวลา)

สูตรความสำเร็จที่โรงเรียนไม่มีสอน

สูตรความสำเร็จที่โรงเรียนไม่มีสอน

“ผมไม่สามารถมีธุรกิจได้หรอก เพราะผมไม่มีเงินเหมือนพวกเศรษฐีพวกนั้น” นี่คงเป็นเหตุผลของใครหลายๆ คน ที่กำลังคิดที่จะเริ่มธุรกิจหรืออยากที่จะทำอะไรบางอย่างที่แตกต่าง บ่อยครั้งที่คำพูดเหล่านี้เอง กำลังทำลายไอเดียดีๆ ของคนหลายๆ คนให้เกิดขึ้นมา ในขณะที่มีคนเพียงส่วนน้อยเข้าใจอย่างชัดเจนว่า จริงๆ แล้ว “เงิน” อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ แต่สิ่งที่จะวัดว่าธุรกิจหรือเส้นทางที่คุณกำลังเลือกเดินนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จ อยู่ที่ “วิธีคิด” กับ “การลงมือทำ”

หากคุณมองย้อนกลับไป ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีไม่ก้าวหน้าเหมือนปัจจุบันนี้ ช่องว่างทางความรู้และทรัพยากร สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อคนที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ มีความรู้และวิธีคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเรามักจะเรียกยุคนั้นว่า ยุคอุตสาหกรรมหนัก แต่ถึงกระนั้นเอง ในปัจจุบัน คนที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของโลกเคยเป็นคน “ชนชั้นกลาง” ในยุคอุตสาหกรรมหนักมาก่อนยกตัวอย่างเช่น Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group, Steve Jobs ผู้สร้างนวัตกรรม  ที่พลิกโลกอย่าง Iphone และ Apple , Jack Ma ผู้ก่อตั้ง E-commerce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง Alibaba ซึ่งหากเทียบกับปัจจุบันนั้น คนเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้เข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรได้น้อยกว่าคนปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แล้วอะไรล่ะ ที่คนเหล่านี้มีเหมือนกัน.. คำตอบนั้น เราได้พยายามศึกษา ค้นคว้า จากคนประสบความสำเร็จทั่วโลก ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้เป็นวิธีคิดง่ายๆ ที่เรียกว่า “สูตรแห่งความสำเร็จ Success Formular” ซึ่งใช้หลักการดังต่อไปนี้

T -> F -> A -> R

ความคิด นำไปสู่ ความรู้สึก | ความรู้สึก นำไปสู่ การลงมือทำ | การลงมือทำ นำไปสู่ ผลลัพธ์

 ความคิด

ความคิดเกิดมาจากไหน? หากสามารถพูดให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ความคิดเปรียบเสมือนกับพิมพ์เขียวในการสร้างบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่คุณจะต้องใช้ในการสร้างบ้านของคุณว่าจะต้องใช้วัสดุเท่าไหร่ ต้องมีขั้นตอนการสร้างอย่างไร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และเมื่อใด หากคุณสามารถสร้างบ้านหลังแรกได้สำเร็จ บ้านหลังถัดๆ ไปของคุณก็จะสำเร็จเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็เหมือนกับความคิดของคุณ เมื่อคุณมีความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ความรัก การเงิน การลงทุน ที่ประสบความสำเร็จ คุณก็จะสามารถสร้างความสำเร็จแบบนั้นได้อย่างไม่รู้จบ ในทางกลับกัน หากคุณมีจุดใดจุดหนึ่งที่ผิดเพี้ยนในพิมพ์เขียวทางความคิดของคุณ การสร้างความสำเร็จก็จะมีจุดผิดพลาดในทุกๆ ความสำเร็จของคุณ

ความรู้สึก

ความรู้สึกเปรียบเสมือนเสาเข็มในการสร้างความสำเร็จของคุณ หากคุณสามารถควบคุม และสร้างความรู้สึกที่ผูกมัดความคิดคุณได้ คุณจะสามารถมีความสุขกับการคิด และใช้ชีวิตบนความคิดนั้นได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งความรู้สึกนั้น คุณสามารถสร้างได้จากเข้าถึงจุดประสงค์ของความคิดคุณ และความหมายที่คุณจำกัดความคิดคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณนึกถึงมุมมองของการลงทุน คนหลายคนมักผูดติดความกลัวไปกับความคิดในการลงทุน แต่ในเวลาเดียวกัน คุณอาจจะผูกติดความรู้สึกดีไปกับการทำธุรกิจด้วยก็ได้ ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้คุณมอง รู้สึก และลงมือทำได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย

การลงมือทำ

คนส่วนใหญ่มักมองว่า “การลงมือทำ” คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ ซึ่งจริงๆ แล้วหากคุณมีความคิดและความรู้สึกที่ถูกต้อง คุณก็ได้เดินทางมาถึงครึ่งทางแห่งความสำเร็จแล้ว เพราะนี่คือ จุดที่แยกระหว่างคนที่คิดกับคนที่สร้างผลลัพธ์ ซึ่งการลงมือทำอาจอาศัยเวลาและการฝึกฝนอยู่ก็จริง แต่หากคุณได้ลงมือทำแล้ว โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มสูงถึง 80% เลยทีเดียว

ผลลัพธ์

ความลับแห่งการสร้างผลลัพธ์ คือการเข้าใจจริงๆ ว่า คุณต้องการที่จะมี เป็น หรือ สร้างอะไร   เพื่อใคร ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่คุณเข้าใจและกระจ่างว่าการสร้างผลลัพธ์ของคุณ คือ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง  ที่คุณสนใจ  คุณก็จะสามารถเติมเต็มว่าการเดินทางสู่ความสำเร็จนั่น  คืออะไร และทำไปเพื่ออะไร

เมื่อนำมาประกอบกันคุณจะสามารถเห็นได้ว่า ความสำเร็จมันมีกระบวนการที่ค่อนข้างตายตัว แต่ทำไมละ คนส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างความสำเร็จที่ตัวเองต้องการได้ เหตุผลง่ายๆ ของพวกเขา คือ การมีความคิดและมุมมองที่ถูกต้อง ดังนั้นคำถามแรกที่คุณจะ ต้องถามตัวคุณอย่างสม่ำเสมอ คือ “ทำอย่างไร ผมถึงจะมีความคิดที่ถูกต้องได้”

“มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณมีเงินเท่าไหร่ แต่มันเกี่ยวกับว่า คุณมีความรู้สึกเติมเต็มหรือไม่?”

ทีมงาน PAN PHO | ทีมงานของ PAN PHO นั้นคือการรวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญและมีแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ปัจจุบันเราได้ทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตเจ้าของธุรกิจทั่วโลกมาแล้วกว่า 10,000 ชีวิตในตลอด 18 ปีที่ผ่านมา และเราจะไม่หยุดเพียงแค่นี้!!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก