สัมมนา Business Intelligence for Growthหลักสูตรเข้มข้น 5 วันที่เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายด้านมาช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณโดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก

สัมมนา Business Intelligence for Growthหลักสูตรเข้มข้น 5 วันที่เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายด้านมาช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณโดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก

สัมมนา Business Intelligence for Growthหลักสูตรเข้มข้น 5 วันที่เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายด้านมาช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณโดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก

ให้คุณก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจมืออาชีพได้แบบไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกกับ สัมมนา Business Intelligence for Growth

สัมมนาที่ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายด้าน มาช่วยคุณวางแผน กลยุทธ์ เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและต้นทุนที่อาจสูญเปล่าคุณสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางที่เหมาะสมในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้

ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่านจะเป็นใครกันบ้างไปทำความรู้จักพร้อมๆ กันได้เลย

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้

1.  เรียนรู้ทักษะและวิธีคิดในการวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ สอนโดยที่ปรึกษาธุรกิจมากประสบการณ์

2.  เข้าใจลูกค้าอย่างมีชั้นเชิง ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพด้วยกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ทั้ง 7 ขั้นตอนที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในทุกธุรกิจ

3.  เจาะลึกกลยุทธ์ เคล็ดลับการทำโฆษณาออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Tiktok, Facebook, LINE, Google Ads

4. ค้นพบเทคนิคการบริหารจัดการสภาพคล่องและการบริหารการเงินสำหรับเจ้าของกิจการให้พร้อมรับมือกับทุกวิกฤตและการเปลี่ยนแปลง

5. ลดความเสี่ยง ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ x2 ด้วยการเข้าใจเครื่องมือ AI ในธุรกิจแบบไม่ต้องลองผิดลองถูก

6. และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้ง 5 วัน

Business Intelligence for Growth (BIG)  22 – 26 มกราคม 2567 19:00 – 20:30 น.

เรียนสดออนไลน์ผ่าน ZOOM

#มหิดล #บริหารธุรกิจ #ธุรกิจปี2024#ทำธุรกิจ

1) Assoc Prof.Dr.Claus Schreier ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล

2) ผศ.ดร.ธนฤกษ์ ธนกิจสมบัติ หัวหน้ากลุ่มสาขาวิชาบริหารธุรกิจ อาจารย์ประจำวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล

3) คุณ ชัชวาล เดชาโรจนภัทท์ อดีต CMO บริษัท ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และอาจารย์ด้าน Digital Media Buying ให้แก่องค์กรชั้นนำ

4) คุณ ชาคริต ชูปรีดา ผู้ก่อตั้ง Fore Today Agency บริษัทด้านการซื้อสื่อโฆษณาชั้นนำของประเทศ และ Official Partner แพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ Facebook Advertising, Google Ads, Tiktok, Shopee และ Lazada

5) คุณ ธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ประสบการณ์ให้คำปรึกษามากกว่า 50 บริษัท ในการนำ AI ไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

เรียนรู้วิธีการวิธีคิดและเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจในสัมมนา Business Intelligence for Growth

เรียนรู้วิธีการวิธีคิดและเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจในสัมมนา Business Intelligence for Growth

 

ในยุคนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ในโลกของการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการ และเจ้าของธุรกิจ จึงต้องมีทั้งความรู้และการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

หลักสูตร Business Intelligence for Growth จะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการ วิธีคิด และเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจ ที่จะทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ และนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ

ในหลักสูตร Business Intelligence for Growth คุณจะได้พบกับหลักสูตรเข้มข้นสำหรับธุรกิจแบบครบครันใน 5 วัน  ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารรุ่นใหม่ คุณก็จะได้รับการติดปีกอัปสกิลที่หาไม่ได้จากที่ไหน โดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทย หลักสูตร Business Intelligence for Growth

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้
1.เรียนรู้ทักษะและวิธีคิดในการวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ สอนโดยที่ปรึกษาธุรกิจมากประสบการณ์
2.เข้าใจลูกค้าอย่างมีชั้นเชิง ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพด้วยกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ทั้ง 7 ขั้นตอนที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในทุกธุรกิจ
3.เจาะลึกกลยุทธ์ เคล็ดลับการทำโฆษณาออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Tiktok, Facebook, LINE, Google Ads
4.ค้นพบเทคนิคการบริหารจัดการสภาพคล่องและการบริหารการเงินสำหรับเจ้าของกิจการให้พร้อมรับมือกับทุกวิกฤตและการเปลี่ยนแปลง
5.ลดความเสี่ยง ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ x2 ด้วยการเข้าใจเครื่องมือ AI ในธุรกิจแบบไม่ต้องลองผิดลองถูก
และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้ง 5 วัน

 

Business Intelligence for Growth (BIG)  22 – 26 มกราคม 2567  19:00 – 20:30 น.
เรียนสดออนไลน์ผ่าน ZOOM

มหิดล #บริหารธุรกิจ #ธุรกิจปี2024 #ทำธุรกิจ

เปิด 5 กลไกธุรกิจที่คุณต้องมีในปี 2024 สัมมนา Business Intelligence for Growth

เปิด 5 กลไกธุรกิจที่คุณต้องมีในปี 2024 สัมมนา Business Intelligence for Growth

เปิด 5 กลไกธุรกิจที่คุณต้องมีในปี 2024 สัมมนา Business Intelligence for Growth

เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน ธุรกิจกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2024 คุณควรปรับตัวแบบไหนให้ไม่ตกเทรนด์ และครองใจผู้บริโภคได้มากที่สุด หลักสูตร Business Intelligence for Growth (BIG) คือคำตอบที่ดีที่สุด

หลักสูตรที่จะพาคุณไปเปิด 5 กลไกธุรกิจที่คุณต้องมีในปี 2024 เป็นหลักสูตรที่ได้ทำการค้นคว้า เรียบเรียง และพัฒนาหลักสูตรร่วมกับวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการแก้ไขปัญหาของเจ้าของธุรกิจที่ทำธุรกิจหรือกำลังจะเริ่มทำธุรกิจให้พร้อมในปี 2024 นี้

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้

1. เรียนรู้ทักษะและวิธีคิดในการวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ สอนโดยที่ปรึกษาธุรกิจมากประสบการณ์
2. เข้าใจลูกค้าอย่างมีชั้นเชิง ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพด้วยกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ทั้ง 7 ขั้นตอนที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในทุกธุรกิจ
3. เจาะลึกกลยุทธ์ เคล็ดลับการทำโฆษณาออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Tiktok, Facebook, LINE, Google Ads
4. ค้นพบเทคนิคการบริหารจัดการสภาพคล่องและการบริหารการเงินสำหรับเจ้าของกิจการให้พร้อมรับมือกับทุกวิกฤตและการเปลี่ยนแปลง
5. ลดความเสี่ยง ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ x2 ด้วยการเข้าใจเครื่องมือ AI ในธุรกิจแบบไม่ต้องลองผิดลองถูก
และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้ง 5 วัน

 

Business Intelligence for Growth (BIG)  22 – 26 มกราคม 2567
19:00 – 20:30 น.  เรียนสดออนไลน์ผ่าน ZOOM

มหิดล #บริหารธุรกิจ #ธุรกิจปี2024 #ทำธุรกิจ

1) Business Strategy

คุณจะได้เรียนรู้องค์ประกอบสำคัญต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ให้กับธุรกิจ สามารถใช้ได้ทั้งปัจจุบันและอนาคตที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง

2) Marketing Strategy

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจคุณเดินหน้าอย่างเป็นระบบและมีแบบแผน สามารถต่อยอดสู่ความสำเร็จได้อย่างมีชั้นเชิง ด้วยการเจาะลึกโครงสร้างการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

3) Advertising Strategy

คุณจะได้ค้นพบวิธีการค้นหาลูกค้าบนโลกออนไลน์ได้ง่ายแถมตรงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการเข้าใจธรรมชาติของแพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์ รวมถึงได้เรียนรู้เคล็ดลับการบริหารจัดการโฆษณาให้มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่มีอย่างจำกัด

4) Finance Strategy

ค้นพบขุมพลังทางการเงินในโลกธุรกิจ เรียนรู้กลไกทางการเงินในธุรกิจ ความสำคัญของตัวเลข และมิติการบริหารจัดการการเงินที่สามารถช่วยทำให้ธุรกิจของคุณ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในโลกแห่งความไม่แน่นอน

5) ลดต้นทุน เพิ่มคุณค่าด้วยการใช้ AI

เทรนด์ฮิตที่มาแรงจนทุกธุรกิจแทบจะใช้งานกันถ้วนหน้า กับการนำเทคนิค วิธีคิด และเครื่องมือในการใช้ AI มาช่วยธุรกิจคุณได้อย่างเหมาะสม คุณจะได้ค้นพบกลไกใหม่บนโลกแห่งเทคโนโลยีที่จะทำให้คุณทำงานน้อยลง

ภารกิจของเราคือ ยกระดับชีวิตผู้คนด้วยความรู้คุณภาพ ผ่านประสบการณ์สัมมนาจากสุดยอดนักพูด เจ้าของธุรกิจ และนักสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้า เพื่อสร้างผลัพธ์ด้านธุรกิจ ชีวิต และการเงินให้แก่ผู้คน

- PAN PHO TEAM.

บริษัทสัมมนาความรู้เพื่อความสำเร็จอันดับ 1 ของไทย

ระบบ 6 กระปุก : การบริหารจัดการเงินที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก [+ สูตรคำนวณ] | 6 Jars Money Management

ระบบ 6 กระปุก : การบริหารจัดการเงินที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก [+ สูตรคำนวณ] | 6 Jars Money Management

ระบบ 6 กระปุก : การบริหารจัดการเงิน ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก [+ สูตรคำนวณ] | 6 Jars Money Management

เจาะลึกวิธีการวางแผนการเงินของคุณด้วย ระบบ 6 กระปุก ให้สามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ง่ายดาย และสามารถทำได้จริง พร้อมโปรแกรมคำนวณที่คุณสามารถเอาไปใช้วางแผนได้เลยทันที

การบริหารจัดการเงิน อาจฟังดูยาก ปวดหัว และต้องอาศัยองค์ความรู้มากมายในการจัดสรรค์ จนถึงสามารถมีอาชีพนักวางแผนการเงินขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้กันเลยทีเดียว ซึ่งผู้คนเหล่านี้มีหน้าที่ในการบริหารจัดการเงินของคุณให้สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตและเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ โดยควบคุมความเสี่ยงไว้อย่างเหมาะเจาะ..

แต่ในบทความนี้ เราอาจจะไม่ได้พูดถึงเรื่องการลงทุนเท่าไหร่นัก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงเรื่องของการลงทุนโดยทันทีโดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องของการบริหารจัดการเงินก่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆ ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องของการลงทุนเสียอีก

ทำไมถึงสำคัญนะหรอ? ง่ายมากครับ ผมขออนุญาตยกงานวิจัยจากหนังสือ “The Millionaire Next Door: The Surprising Secrets of America’s Wealthy” (เศรษฐีข้างบ้าน: ความลับอันน่าทึ่งของผู้มั่งคั่งในอเมริกา) ที่เป็นงานวิจัยของ Thomas J. Stanley ได้กล่าวถึงสถิติและการวิจัยว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนรวยถึงรวยมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าตกใจเลยก็คือ คนที่ร่ำรวยไม่ได้เกิดจากว่าพวกเขาฉลาดกว่า เก่งกว่า หรือโชคดีกว่าขึ้น เพียงแต่พวกเขารู้จักการบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบ และมีวินัยต่อการจัดสรรค์เงินของเขา..

เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณอาจจะคิดว่า.. อือ ก็คงสอนประหยัดอีกหล่ะสิ.. แต่เปล่าเลย.. สิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้คือการ “ใช้เงินอย่างไรให้ฉลาดและสามารถมีเงินได้โดยไม่ต้องอดออม” ซึ่งคือพื้นฐานที่คนที่ร่ำรวยนั้นต่างมีเหมือนกัน..

สำหรับระบบการบริหารจัดการเงินที่ผมกำลังจะนำเสนอคุณต่อไปนี้ คือระบบการจัดการเงินที่คุณไม่ต้องมีพื้นฐานการเงินใดๆ ก็สามารถทำได้ ลูกของคุณ หรือพ่อแม่ของคุณก็สามารถทำได้ เพราะเป็นระบบที่ใช้เพียงแค่กระปุก 6 ใบในการบริหารจัดการเงินเท่านั้น!!

ระบบ 6 กระปุก คือวิธีการบริหารจัดการเงินที่สอนโดยคุณ T.Harv Eker ผู้เขียนหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” หนังสือชื่อดังในตำนานที่บอกเล่าว่าทำไมวิธีคิดของเราถึงส่งผลต่อเงินในกระเป๋าของเรา.. และในเรื่องของการบริหารเงินเองก็เช่นกัน T.Harv Eker ได้กล่าวว่า การบริหารจัดการเงินนั้นเป็นเรื่องของความสม่ำเสมอ มากกว่าจำนวน เป็นเรื่องของวิธีคิด มากกว่าวิธีการ 

ดังนั้นการยกกระปุกทั้ง 6 ใบ คือการใช้กระปุกออมเงินแต่ละใบในการสะท้อนมิติชีวิตแต่ละด้านที่เงินมีผลอยู่ โดยกระปุกทั้ง 6 ใบนี้มีหน้าที่ สัดส่วน และวิธีการใช้ไม่เหมือนกัน โดยจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:

คำเตือน: สัดส่วนดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ชีวิตทางการเงินของแต่ละบุคคล ท่านสามารถเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยน ได้อย่างอิสระ

  1. NEC: Necessity Jar (กระปุกแห่งความจำเป็น) – 55% ของรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษีแล้ว
    กระปุกใบนี้คือกระปุกใบที่ใหญ่ที่สุดในทั้ง 6 กระปุก ซึ่งทำหน้าที่ในการใช้จ่ายค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆ ของชีวิตคุณตลอดทั้งเดือน เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหารเป็นต้น เพื่อให้คุณสามารถมีมาตรฐานการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ หากคุณเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือผ่อนบ้าน ให้แบ่งสรรค์เงินจากกระปุกนี้เป็นกระปุกแรก หากไม่พอสามารถดึงสัดส่วนจากกระปุกอื่นๆ ได้ตามสมควร (ยกเว้น FFA เท่านั้นที่ห้ามต่ำกว่า 10%)

2. FFA: Financial Freedom Account Jar (กระปุกแห่งอิสรภาพทางการเงิน) – 10% ของรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษีแล้ว
กระปุกใบนี้คือกระปุกที่อาศัยวินัยและความซื่อสัตย์ของตนเองมากที่สุด เพราะนี่คือ “ห่านทองคำ” ที่จะช่วยคุณสร้างอิสรภาพทางการเงินได้เร็วที่สุด ซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกใช้ไปกับการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ หรือสิ่งใดก็ตามที่สามารถสร้าง Yield (เงินปันผล) และ Interest (ดอกเบี้ย) ได้ หากนอกเหนือจากนี้ เงินนี้จะไม่ถูกใช้ออกไปในทุกกรณี

ข้อควรระวัง: สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ท่านจะต้องแน่ใจว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นถูกซื้อเพื่อสร้างผลตอบแทนจากค่าเช่าหรือเพื่อการลงทุน ท่านสามารถใช้เงินก้อนนี้ได้ แต่หากเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้ใช้อยู่เองให้ใช้จาก NEC

3. LTSS: Long Term Saving for Spending Jar (กระปุกออมเงินระยะยาวเพื่อการใช้จ่าย) – 10% ของรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษีแล้ว
กระปุกใบนี้เปรียบเสมือนกับ “สภาพคล่อง” ของสถานะการเงินของคุณ โดยเงินก้อนนี้จะถูกเก็บออมเพื่อใช้จ่ายในสิ่งต่างๆ ที่มีมูลค่าสูงหรือต้องใช้เวลาในการเก็บสะสม ยกตัวอย่างเช่น การซื้อรถยนต์ การแต่งงาน ค่าเทอมลูกหลาน การซื้อทีวีราคาแพง ฯลฯ โดยกระปุกใบนี้ คุณสามารถ “แบ่งย่อย” ลงไปได้อีกตามเป้าหมายทางการเงินที่คุณมีอยู่

4. EDU: Education Jar (กระปุกออมเงินเพื่อการศึกษา) – 10% ของรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษีแล้ว
อย่างที่ Warren Buffet กล่าวไว้ “การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง” ดังนั้นกระปุกใบนี้คือกระปุกที่จะลงทุนให้คุณมีทักษะ ความสามารถ และความพร้อมในการสร้างเงินที่มากขึ้น ดังนั้นแล้วกระปุกนี้คือหนึ่งในกระปุกที่เปิดพื้นที่ให้คุณต้องเรียนรู้สิ่งที่คุณสนใจ เช่น ค่าลงทะเบียนสัมมนา ค่าหนังสือ ค่าที่ปรึกษา ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงให้กับการลงทุนของคุณด้วย

ซึ่งทั้งนี้หากคุณลงทะเบียนสัมมนาในประเทศไทย ท่านสามารถนำใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

5. PLAY: Play Jar (กระปุกออมเงินเพื่อการเล่นและนันทนาการ) – 10% ของรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษีแล้ว
“เราจะมีเงินไปทำไมตั้งมากมายในเมื่อสุดท้ายเราไม่ได้ใช้มัน” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย! และสำหรับหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว นี่อาจจะเป็นกระปุกที่ทุกท่านรอคอยมากที่สุดกระปุกหนึ่งกันเลยทีเดียว เพราะนี่คือกระปุกที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ โดยที่มีข้อแม้ว่า “คุณจะต้องใช้เงินนี้ให้หมดทุกเดือน” กับของที่คุณอยากได้ อยากมี และอยากทำ 

เพราะหลายครั้งที่เราเองก็รู้สึกผิดกับการใช้เงินที่เรามีไปกับการเติมเต็มความสุขของเรา ดังนั้นคุณสามารถนำกระปุกนี้ไปใช้จ่ายได้อย่างไม่รู้สึกผิด ไม่ว่าจะเป็น การไปเที่ยวที่ดีๆ การกินอาหารมื้อหรูสุดแพง การซื้อประสบการณ์ความสุขที่หาไม่ได้ ฯลฯ

6. GIVE: Give Jar (กระปุกออมเงินเพื่อการให้) – 5% ของรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษีแล้ว
สำหรับผมและทีมงานแล้ว เราเชื่อว่าเมื่อเราประสบความสำเร็จหรือมีเงินแล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญและเป็นหน้าที่ในการแบ่งปันให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่นับวันยิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเงินก่อนนี้คือการสร้างนิสัยแห่งการให้ โดยไม่จำกัดว่าคุณจะบริจาคให้กับศาสนา ให้กับองค์กรท้องถิ่น หรือแม้แต่ให้คนรอบตัวคุณ

ทั้งหมดนี้คืออัตราส่วนทั้ง 6 ของระบบ 6 กระปุกเบื้องต้น ที่คุณสามารถนำไปจัดการและบริหารเงินที่คุณมีอยู่ได้อย่างง่ายดาย โดยที่คุณไม่ต้องจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอีกต่อไป มากไปกว่านั้น เพื่อให้คุณสามารถบริหารจัดการและเริ่มต้นได้ง่ายที่สุด ทางผมและทีมงานได้ทำโปรแกรมคำนวณระบบ 6 กระปุกไว้ด้านล่างนี้แล้ว โดยท่านสามารถกรอกรายละเอียด รายได้ของคุณให้ครบถ้วน ระบบจะทำการแบ่งสรรค์เงินที่คุณกรอกไว้เป็นกระปุกต่างๆ โดยที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนได้ตามใจชอบ

โปรแกรมคำนวณการบริหารจัดการเงินแบบ 6 กระปุก

[stm-calc id="93894"]

ทั้งนี้ ผมอยากให้คุณทำความเข้าใจว่า.. ไม่ว่าคุณจะเงินเดือน 15,000 / 20,000/ 50,000/ หรือ 100,000 บาทต่อเดือน มันไม่ได้สำคัญว่าคุณจะมีเงินมากเท่าใด แต่มันเป็นเรื่องของวินัยทางการเงินและความสม่ำเสมอมากกว่าจำนวน..

เป็นอย่างไรกันบ้าง คุณได้เรียนรู้อะไรกระปุกทั้ง 6 ใบนี้บ้าง? เราเชื่อเลยว่าอย่างน้อยคุณอาจจะเริ่มเอะใจในความคิดและการกระทำของตนเองในอดีตหรือปัจจุบันหรือไม่? หากคุณเริ่มมีความคิดหรือความรู้สึกบางอย่างที่มันแปลกไปจากเดิม ผมอยากจะเตือนคุณว่า “นี่แหละคือโอกาสที่คุณจะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ”

คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าชีวิตถูกลิขิตด้วยชาติกำเนิด การศึกษา หรือความโชคดี.. แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างในชีวิตคุณขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณคิดหรือมองโลกนี้ มองโอกาสที่ผ่านเข้าและออกจากชีวิตคุณ มองคนรอบตัว ดังนั้นผมจึงอยากจะขอเชิญชวนคุณมาเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคุณใน 3 วัน..

T.Harv Eker มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและธุรกิจสู่ความสำเร็จอีกระดับ แต่การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวไม่ได้การันตีความสำเร็จให้กับคุณ ด้วยเหตุนี้ T.Harv Eker จึงสร้างหลักสูตรสัมมนาเข้มข้น 3 วันที่ชื่อ “Millionaire Mind Intensive” ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดทางการเงินของคุณได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในประเทศไทยเราจัดมาตั้งแต่ปี 2012

ทีมงาน PAN PHO | ภารกิจของเรา คือ การยกระดับชีวิตด้วยความรู้คุณภาพ  เราคัดสรรความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ที่มีผลลัพธ์  เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมายตลอดเวลาที่ผ่านมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE:@PANPHO หรือ 094-242-4197 (ตลอดเวลา)

สรุปเข้มๆ เต็มเล่มกับหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind) โดย T.Harv Eker.

สรุปเข้มๆ เต็มเล่มกับหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind) โดย T.Harv Eker.

สรุปเข้มๆ เต็มเล่มกับหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind) โดย T.Harv Eker.

จากหนังสือขายดีตลอดกาลอย่าง ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind) ที่ถูกเขียนโดย T.Harv Eker สู่ 17 วิธีคิดที่ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนธรรมดาที่คุณเองก็สามารถเรียนรู้ได้

ถ้าคุณอยากมีความสำเร็จที่มากขึ้นในชีวิต คุณจะต้องเต็มใจที่จะปล่อยวางวิธีคิดและการเป็นอยู่แบบเก่าๆ ของคุณ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่มาใช้กับชีวิต เมื่อนั้นคุณจะพบกับผลลัพธ์ใหม่ที่ตามมา # #

หนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” (The Secrets of Millionaire Mind) คือ สุดยอดหนังสือพัฒนาตัวเองที่มียอดขายมากกว่า 5 ล้านเล่มทั่วโลกที่บอกเล่าถึงแนวคิดที่ว่า “สิ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จทางการเงินนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากวิธีคิดด้วยกันทั้งสิ้น” ที่ถูกเขียนโดย T.Harv Eker

แต่ก่อนที่ T.Harv Eker จะเขียนหนังสือเล่มนี้ เขาเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหาทางการเงินมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของพ่อเขาได้มาเยี่ยมเขาที่บ้านและให้คำแนะนำที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล นั่นคือ

“ถ้าคุณคิดแบบเดียวกับที่คนรวยคิด และทำแบบเดียวกับที่คนรวยทำ คุณเชื่อไหมว่าคุณเองก็รวยได้เหมือนกัน”

T.Harv Eker ได้ยินดังนั้นแล้ว เขาจึงทุ่มเทเริ่มศึกษาชีวิตและวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินจนเขาค้นพบว่า “จริงๆ แล้วคนรวยส่วนใหญ่มักมีวิธีคิดทางการเงินที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก”

เขาจึงนำความรู้ที่เขาได้ใข้เวลาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความคิดของคนที่ประสบความสำเร็จมาลงมือทำในชีวิตจริงด้วยการยืมเงินจากบัตรวีซ่าจำนวน 2,000 ดอลลาร์มาสร้างธุรกิจฟิตเนสจนสามารถขยายกิจการไปถึง 12 สาขาทั่วทวีปอเมริกาเหนือและขายไปในราคา 1.75 ล้านดอลลาร์ (63 ล้านบาท)

และทั้งหมดเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น!!

เขาทำได้อย่างไร? ทั้งหมดล้วนเกิดจากวิธีคิดทางการเงินที่ T.Harv Eker ได้เรียกมันว่า “แผนผังทางการเงิน” (Money Blueprint) ที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรม ทัศนคติ และวิธีคิดที่เราทุกคนมีต่อเงิน

เราอาจเคยเห็นคนที่มีเงินมากมายก่ายกองแต่แล้วก็ใช้เงินจนหมด ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ คนที่ถูกหวยหรือรางวัลใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะถูกเงินรางวัลมากแค่ไหน ส่วนใหญ่พวกเขาจะใช้มันจนหมดและกลับมามีฐานะทางการเงินเท่าเดิม

ในขณะเดียวกัน เศรษฐีหรือเจ้าของธุรกิจที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเองกลับแตกต่างกันออกไป หากคุณสังเกตว่าเมื่อใดที่พวกเขาเกิดสูญเสียเงินเหล่านั้นไป พวกเขาจะหามันกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นกันหล่ะ? เพราะความจริงแล้ว เศรษฐีเงินล้านบางคนอาจเคยสูญเงินไป แต่องค์ประกอบที่นำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จไม่ได้สูญสลายไปด้วย นั่นคือ “วิธีคิด” ของพวกเขานั้นเอง

และในหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” T.Harv Eker ได้สรุปวิธีคิดทางการเงิน 17 ประเด็นสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจคนรวยมากขึ้นว่าทำไมพวกเขาถึงประสบความสำเร็จ (และคุณเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน)

1. คนรวยเชื่อว่า “ฉันกุมชะตาชีวิตของตัวเอง” ในขณะที่คนทั่วไปคิดว่า “ฉันถูกลิขิตมาให้เป็นอย่างนี้”

T.Harv Eker ได้อธิบายถึงความเชื่ออย่างแรกที่คนรวยทุกคนมี นั่นคือ “พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาเป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเงิน” แต่การรอคอยให้ถูกล็อตเตอรี่ก็ไม่ได้เป็นทางที่ดีเท่าไหร่นักในการได้มาซึ่งเงินและความมั่งคั่ง กลับกัน คุณต้องเชื่อว่าสามารถสร้างหนทางสู่ความสำเร็จได้ด้วยตนเอง 

นอกจากนี้ T.Harv Eker ได้ระบุในหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้านเพิ่มเติมว่าเราจะสังเกตว่าเหตุผลที่คนทั่วไปไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เสียทีเพราะ 3 พฤติกรรมที่ส่งผลเชิงลบให้กับตัวเขาได้แก่

พฤติกรรมที่ 1 : กล่าวโทษ – มักจะโยนความผิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลลัพธ์ของสถานการณ์ คนรอบข้าง หรือแม้แต่โชคชะตา

พฤติกรรมที่ 2 : แก้ตัว – มักจะให้เหตุผลที่ข้างๆ คูๆ เพื่อให้สถานการณ์ดูดีขึ้นและเป็นการบอกโดยนัยว่า “ฉันไม่ผิดนะ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่โดนถามเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ

พฤติกรรมที่ 3 : บ่น – เป็นกลุ่มคนที่คอยพูดแต่เรื่องลบๆ และน่าแปลกตรงที่ยิ่งเขาบ่นมากเท่าไหร่ ปัญหาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น

2.คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อชนะ คนทั่วไปเล่นเกมการเงินเพื่อไม่ให้แพ้

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าคนทั่วไปมักมีแนวคิดทางการเงินเชิงลบ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลว่าเดือนนี้จะมีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายพอไหม? ฉันอยากได้นะแต่ว่าฉันไม่มีเงินหรอก? ในขณะที่คนที่ร่ำรวยมักจะคิดแต่เรื่องหาเงิน เรื่องโอกาส เรื่องความเป็นไปได้ใหม่ๆ นั่นจึงทำให้พวกเขามีกินมีใช้ตลอดเวลา เพราะว่าพวกเขารูัว่าพวกเขาจะหาเงินมาจากไหน

** T.Harv Eker ได้กล่าวว่าการเล่นเกมการเงินให้ชนะ ดูได้ง่ายๆ จากการที่คุณมองเงินว่าเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณ หรือคุณเป็นผู้ที่สามารถพึงพอใจต่อเงินที่คุณมีได้หรือไม่ เขาได้ย้ำอย่างซ้ำไปซ้ำมาในสัมมนา Millionaire Mind Intensive ว่า คนรวยกับคนที่มีเงินนั้นเล่นเกมการเงินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคนที่รวยมักจะมองว่าการเล่นเกมการเงินคือการบริหารจัดการศักยภาพของเงิน/ ความสามารถที่เขามี ในขณะที่คนที่มีเงินมักมองหาโอกาสในการได้เงินโดยไม่สนว่ามันจะขัดกับหลักการ/ ศีลธรรมหรือไม่ ดังนั้นจงระวังให้ดี..

ดังนั้น T.Harv Eker จึงแนะนำให้คุณเลือกว่าคุณจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสุขสบาย พอมีพอกิน หรือว่าจะยังคงเล่นเกมการเงินเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดไปวันๆ ทั้งหมดอยู่ที่คุณเป็นผู้เลือก

3.คนรวยทุ่มเทเพื่อความรวย คนทั่วไปแค่อยากรวย

T.Harv Eker ได้ระบุในหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้านถึงเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ในขณะที่คนที่ประสบความสำเร็จนั้นรู้อย่างแน่ชัดว่าตัวเองต้องการความมั่งคั่ง และจะได้มันมาได้อย่างไร ไม่โลเลไปมา ตราบใดที่ถูกกฎหมาย ถูกศีลธรรม และถูกจรรยาบรรณ

เพราะการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความตั้งใจ ความกล้า ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความพยายามแบบ 100% ในขณะที่คนทั่วไปมักมีเหตุผลดีๆ มากมายว่าทำไมการเป็นคนรวยถึงเป็นสิ่งที่ไม่ดี นั่นจึงทำให้เขาหลีกเลี่ยงที่จะร่ำรวย และคอยให้เหตุผลดีๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่ลงมือทำเสียที

4.คนรวยคิดการใหญ่ คนทั่วไปคิดการเล็ก

T.Harv Eker ได้อธิบายกฎของคำว่า “มูลค่า” ไว้ว่า “ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าในธุรกิจของคุณเพิ่มสูงขึ้นอาศัย 4 องค์ประกอบได้แก่ อุปสงค์ อุปทาน คุณภาพ และ ปริมาณ”  ซึ่งวิธีการเดียวที่คุณจะสามารถทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ คือ “ความสามารถในการให้บริการหรือสร้างผลกระทบให้กับคนจำนวนมาก”

การสร้างผลกระทบให้กับคนจำนวนมากอาศัยการทำงานที่หนักและมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้าง นั่นจึงทำให้หลายๆ ครั้งคนทั่วไปไม่กล้าคิดการใหญ่เพราะพวกเขากลัวที่จะล้มเหลวหรือเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้จักศักยภาพที่ตนเองมีอยู่ว่าสามารถช่วยเหลือคนได้มากมายเพียงใด

5.คนรวยคิดมองเห็นแต่โอกาส คนทั่วไปมองเห็นแต่อุปสรรค

T.Harv Eker ได้ระบุในหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินว่าล้านคนที่ร่ำรวยมักเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อทุกผลลัพธ์ในชีวิตของตัวเขาเอง และทำสิ่งต่างๆ ด้วยความคิดว่ามันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในความสามารถ ความพยายาม และความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ซึ่งต่อให้มีอุปสรรคเข้ามา เขาก็พร้อมที่จะรับมือ ในขณะที่คนทั่วไปมักคาดหวังผลลัพธ์ในแบบที่ว่า “ถ้ามันสำเร็จก็คงดีสินะ” เพราะเขาไม่มั่นใจและหวาดกลัวต่อความไม่แน่นอนต่างๆ 

เคล็ดลับที่ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนทั่วไปนั่นคือการเข้าใจกฎง่ายๆ เพียง 1 ข้อคือ “ลงมือทำมันซะ” เพราะในขณะที่คนมากมายมีไอเดียในการทำธุรกิจแต่ไม่กล้าลงมือทำซะที เพราะว่าในใจลึกๆ พวกเขาก็ “กลัว” ที่จะรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ คนที่ร่ำรวยมักศึกษาและมีแผนการชัดเจนในการเปลี่ยนโอกาสนั้นเป็นผลลัพธ์

6.คนรวยชื่นชมผู้ที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ คนทั่วไปชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ

T.Harv Eker ได้อธิบายว่า “คุณไม่มีทางเป็นในสิ่งที่คุณเกลียด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความมั่งคั่งร่ำรวย เพราะหลายๆ ครั้งเรามักจะชิงชังกับความสำเร็จของคนอื่นๆ รอบตัว ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยทำให้คุณมีชีวิตที่ดีแล้ว การรู้สึกชิงชังจะทำให้คุณห่างไกลจากความร่ำรวยอย่างที่คุณไม่รู้ตัว

ในขณะเดียวกัน การชื่นชมและสรรเสริญในความสำเร็จของผู้อื่นจะเป็นการช่วยฝึกความคิดของคุณให้เปิดรับความสำเร็จอย่างเป็นอัตโนมัติมากขึ้น

7.คนรวยมักจะเลือกคบคนที่มองในแง่บวก ในขณะที่คนทั่วไปมักคบคนที่พูดแต่เรื่องร้ายๆ

T.Harv Eker ได้อธิบายกฎของการคบเพื่อนว่า “หากคุณลองสังเกตให้ดีว่า คนที่ร่ำรวยมักจะคบเพื่อนที่คอยผลักดันด้วยคำพูดดีๆ และมองความสำเร็จของคนอื่นเป็นเหมือนเครื่องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ในขณะที่คนทั่วไปมักเห็นความสำเร็จของผู้อื่นเป็นเรื่องสนุกในการนินทาหรือล้อเลียน”

และในขณะเดียวกัน วิธีรวดเร็วและง่ายดายที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งนั้นอยู่ที่การคบเพื่อน เพราะว่าวิธีคิดการที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งคือการเรียนรู้จากคนรวยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเขาเล่นเกมการเงินอย่างไรถึงจะชนะ มีวิธีคิดอย่างไร และมุมมองที่เขามองในการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตของพวกเขา

8.คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าคนรวยนั้นเป็นนักโปรโมทตัวยง พวกเขาเต็มใจที่จะขายสินค้า โปรโมชั่น หรือไอเดียของเขาอย่างไม่เขินอาย มากไปกว่านั้น พวกเขาคือคนที่เชี่ยวชาญในการนำเสนอคุณค่าของตัวเองด้วยวิธีคิดการที่แสนดึงดูดใจ เพราะไม่มีผู้นำหรือคนที่ประสบความสำเร็จคนไหนจะสามารถยิ่งใหญ่ได้หากขาดการโปรโมท ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ธุรกิจ กีฬา ฯลฯ เพราะพวกเขาทุกคนเชื่อมั่นว่าคุณค่าที่เขามีสามารถแบ่งปันให้กับผู้คนได้

ในขณะที่คนทั่วไปเกลียดและกลัวกับการโปรโมทตัวเอง โดยส่วนใหญ่แล้ว เหตุผลที่พวกเขาเกลียดและไม่ชอบการโปรโมทนั้นเป็นเพราะเขาไม่เชื่อในคุณค่า สินค้า และตัวเขาอย่างแท้จริง เพราะหากคุณเชื่อมั่นว่าคุณสามารถช่วยเหลือพวกเขา มันก็ไม่มีข้อสงสัยใดที่จะขวางคุณจากการทำให้คนอื่นๆ รู้จักคุณ

9.คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนทั่วไปมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าทุกชีวิตล้วนแล้วแต่มีปัญหาที่จะต้องแก้ จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่สำหรับคนที่ร่ำรวยแล้ว พวกเขามักจะมุ่งความสนใจไปกับวิธีการแก้ปัญหามากกว่าการสนใจและกังวลกับปัญหา ในขณะที่คนทั่วไปมักโอดครวญกับปัญหาที่มีอยู่และเสียเวลาไปกับความรู้สึกหงุดหงิดและการพร่ำบ่น

จงจำไว้ว่า ไม่มีปัญหาใดใหญ่เกินกว่าใจของคุณ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยตระหนักดีว่าการแก้ปัญหานั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าพวกเขาอยากจะเติบโต และยิ่งพวกเขาเติบโตนั้นก็หมายถึงจำนวนเงินที่มากตามไปด้วย

10.คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนทั่วไปเป็นผู้รับที่ยอดแย่

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าหลายครั้งที่คนเรามักรู้สึกดีที่เป็นผู้ให้ แต่มักจะมีความรู้สึกตรงกันข้ามเมื่อพวกเขาเป็นผู้รับ นั่นเป็นเพราะหลายๆ ครั้งที่คนเรารู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือไม่คู่ควรที่จะได้รับ หรืออาจจะคิดไปในอีกทางเลยนั่นก็คือ พวกเขาสบายใจมากกว่าที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ

ซึ่งในโลกของการเงินและความร่ำรวยแล้ว การเป็นผู้ให้และผู้รับที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเป็นผู้รับที่ดีจะทำให้คุณได้รับมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นการตอกย้ำว่าคุณพร้อมที่จะโอบรับเงิน ชื่อเสียง และหลายๆ อย่างที่คนรอบตัวพร้อมที่จะให้คุณ

11.คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน คนทั่วไปเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าหากเราสังเกตคนที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้คุณค่าและความเชี่ยวชาญของตัวเองในการแลกกับผลตอบแทน ในขณะที่คนทั่วไปเลือกที่จะเอาเวลาของตนเองแลกกับเงิน เพราะคนรวยทุกคนตระหนักว่าเวลาของเราทุกคนมีจำกัด

ดังนั้นแล้ว หากคุณกำลังมองหาความมั่งคั่ง คำว่าความมั่นคงอาจจะไม่ใช่คำที่เหมาะสมกับคุณเสมอไป เพราะความสำเร็จทุกอย่างล้วนต้องลงมือทำและมีความเสี่ยง ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นคนที่ขายเวลาตัวเองแลกกับเงินหรือคุณจะใช้ความสามารถและผลงานของคุณแลกกับความมั่งคั่ง

12.คนรวยเลือกทั้งสองทาง คนทั่วไปเลือกทางใดทางหนึ่ง

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าการคิดถึงความเป็นไปได้ที่มากกว่า 2 ทางมีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่การบอกว่า “ระหว่างเงินกับความสุข ความสุขนั้นสำคัญกว่า” ซึ่งนั่นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ เพราะคุณเองก็รู้ว่าคุณสามารถมีได้ทั้งความสุขและเงิน เพียงแต่คุณจะต้องมีการบริหารจัดการที่รอบคอบ

ดังนั้นแล้ว จงปล่อยวางความคิดที่จะเลือกแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง และมุ่งมั่นกับความตั้งใจที่จะมีทั้งสองอย่าง หากคุณรู้สึกว่ามันยาก เป็นเพียงแค่คุณไม่เคยทำหรือไม่มีประสบการณ์เท่านั้น ให้ทดลองลงมือทำช้าๆ อย่างรอบคอบ

13.คนรวยสนใจมูลค่าทรัพย์สิน คนทั่วไปสนใจแค่รายได้จากการทำงาน

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้วัดจากเงินที่เราหาได้ แต่เกิดจากมูลค่าทรัพย์สินเช่น หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ มูลค่าของธุรกิจ หักลบกับหนี้สิน จึงจะได้ความมั่งคั่งสุทธิ ซึ่งมีองค์ประกอบด้วยกัน 4 อย่างดังนี้ 1. รายได้ (Active Income) 2. เงินเก็บ (Saving) 3. การลงทุน (Investment) 4. การมีชีวิตที่เรียบง่าย (Simplify) 

เพราะหลายครั้งที่คนทั่วไปมักใช้จ่ายเงินและมีข้ออ้างกับตัวเองว่า “เดี๋ยวสิ้นเดือนก็มีเงินเข้ามาใหม่” ในขณะที่คนรวยให้ความสำคัญมากกับการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งสุทธิของตนเอง

14.คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนทั่วไปเก่งเรื่องบริหารเงินแบบผิดๆ

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าคนรวยไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ทำให้คนรวยประสบความสำเร็จทางการเงินเป็นเพราะเขาบ่มเพาะนิสัยและทักษะการบริหารจัดการเงินก้อนเล็กๆ ก่อนที่จะมีเงินก้อนใหญ่ ในขณะที่คนทั่วไปมีการบริหารจัดการเงินที่ย้ำแย่และไม่มีทิศทาง

ทั้งนี้ T.Harv Eker ได้แนะนำวิธีการบริหารจัดการเงินที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกที่เรียกว่า “ทฤษฎี 6 กระปุก” โดยแบ่งออกได้ดังนี้

กระปุกที่ 1: กระปุกแห่งการออมระยะยาว 10% (Long Term Saving Jar) – ไว้สำหรับเก็บเงินสดเพื่อไว้เป็นสภาพคล่องให้กับตนเอง 

กระปุกที่ 2: กระปุกแห่งอิสรภาพทางการเงิน 10% (Financial Freedom Jar) – ไว้สำหรับนำเงินไปลงทุนในการสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความสุทธิมั่งคั่งให้กับตัวเอง

กระปุกที่ 3: กระปุกแห่งความสุข 10% (Play Jar) – ไว้สำหรับนำเงินไปใช้ซื้อประสบการณ์ ความสุข พาตัวเองไปเที่ยว พักผ่อน และใช้ซื้อในสิ่งที่ตนเองต้องการ

กระปุกที่ 4: กระปุกแห่งความจำเป็น 55% (Neccessities Jar) – ไว้ใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่ว่าจะเป็นอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเรียนลูก ฯลฯ

กระปุกที่ 5 : กระปุกแห่งการเรียนรู้ 10% (Education Jar) – ไว้สำหรับทำนำไปใช้ซื้อหนังสือ คอร์สสัมมนา เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถให้กับตัวคุณเอง

กระปุกที่ 6 : กระปุกแห่งการแบ่งปัน 5% (Give Jar) – ไว้สำหรับแบ่งปันให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ การกุศล และให้กับคนที่ด้อยโอกาสเพื่อฝึกให้ตนเองรู้จักแบ่งปันกับผู้อื่น

15. คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนทั่วไปทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าการทำงานหนักคือกุญแจสู่ความความสำเร็จ แต่การใช้เงินทำงานหนักให้กับคุณก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในขณะที่หลายคนใช้เงินไปกับการซื้อของที่อยากได้ ใช้จ่ายเพื่อให้ได้กินอาหารแพงๆ มีไลฟ์สไตล์ที่โก้หรู คนที่ร่ำรวยมักจะมองเงินของพวกเขาเป็นดั่ง “เมล็ดพันธุ์” ที่สามารถงอกเงยเป็นความมั่งคั่งให้กับเขาได้ในอนาคต 

ในสัมมนา Millionaire Mind Intensive ของ T.Harv Eker นั้นได้ชี้ชัดถึงความสำคัญของ “เงินทุกบาท” ว่ามีความสำคัญในการสร้าง “ห่านทองคำ” ที่คอยทำหน้าที่ในการผลิต “ไข่ทองคำ” เพื่อในที่สุดคุณจะสามารถหมดกังวลเรื่องรายได้ของคุณ

16.คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนทั่วไปปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีความกลัวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเงินหลักร้อยหรือหลักพันล้าน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกันคือความสามารถในการบริหารจัดการกับความกลัว หลายครั้งที่คนส่วนใหญ่มีไอเดียดีๆ แต่ไม่ลงมือทำเพราะหวาดกลัวและกังขากับความเป็นไปได้ ในขณะที่คนรวยมักมุ่งไปข้างหน้าและลงมือทำ ทั้งๆ ที่พวกเขาเองก็กลัวและกังขา

แต่ในความเป็นจริงนั้น คนที่ร่ำรวยทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความกลัวนั้นเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เพียงแต่ในแง่ของความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสุขของคุณด้วย เพราะฉะนั้น หนึ่งในข้อแตกต่างที่ชัดเจนมากที่สุดระหว่างคนที่ร่ำรวยและคนทั่วไปคือ คนรวยเต็มใจที่จะลงมือทำแม้จะหวาดกลัว ในขณะที่คนทั่วไปมักลงเอยด้วยการนั่งรอความสำเร็จ

17.คนรวยเรียนรู้และเติบโตอยู่ตลอดเวลา คนทั่วไปคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว

T.Harv Eker ได้อธิบายว่าจุดที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงจากคนที่ทำอะไรก็ล้มเหลวจนสามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาเพียง 18 เดือนคือการที่เขาเปลี่ยนชุดความคิดในหัวว่า “ฉันรู้ดีทุกอย่าง” เป็น “ฉันพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง” เพราะเขาตระหนักว่าวิธีเดียวที่จะทำให้คุณมีเงินตามต้องการนั้นคือการเรียนรู้วิธีในการเล่นเกมการเงินทั้งภายในและภายนอก ไมว่าจะเป็นทักษะ กลยุทธ์ในการเร่งรายได้ รู้วิธีการบริหารจัดการเงิน และนำไปลงทุนให้เกิดผล

ข่าวดีคือความสำเร็จเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้ คุณสามารถเรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จได้ในทุกๆ เรื่อง ถ้าคุณอยากเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี คุณก็ต้องเรียนรู้และฝึกฝน ถ้าหากคุณอยากเป็นนักเปียโน คุณก็ต้องเรียนรู้และฝึกฝนการเล่นเปียโน และเรื่องเงินก็เช่นกัน ถ้าหากคุณอยากเป็นคนรวย คุณก็ต้องฝึกฝนการบริหารจัดการเงิน

ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่เกิด ทุกคนที่ประสบความสำเร็จล้วนเคยล้มไม่เป็นท่ามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีระดับโลก นักกีฬาโอลิมปิก นักลงทุน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีวันร้ายๆ ของตัวเอง แต่คำถามคือ คุณจะให้ความล้มเหลวนั้นหยุดคุณ หรือคุณตั้งมั่นแล้วว่าคุณจะเป็นฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องที่คุณต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของเงิน

เป็นอย่างไรกันบ้าง คุณได้เรียนรู้อะไรจากวิธีคิดทั้ง 17 อย่างนี้บ้าง? เราเชื่อเลยว่าอย่างน้อยคุณอาจจะเริ่มเอะใจในความคิดและการกระทำของตนเองในอดีตหรือปัจจุบันหรือไม่? หากคุณเริ่มมีความคิดหรือความรู้สึกบางอย่างที่มันแปลกไปจากเดิม ผมอยากจะเตือนคุณว่า “นี่แหละคือโอกาสที่คุณจะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ”

คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าชีวิตถูกลิขิตด้วยชาติกำเนิด การศึกษา หรือความโชคดี.. แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างในชีวิตคุณขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณคิดหรือมองโลกนี้ มองโอกาสที่ผ่านเข้าและออกจากชีวิตคุณ มองคนรอบตัว ดังนั้นผมจึงอยากจะขอเชิญชวนคุณมาเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคุณใน 3 วัน..

T.Harv Eker มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและธุรกิจสู่ความสำเร็จอีกระดับ แต่การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวไม่ได้การันตีความสำเร็จให้กับคุณ ด้วยเหตุนี้ T.Harv Eker จึงสร้างหลักสูตรสัมมนาเข้มข้น 3 วันที่ชื่อ “Millionaire Mind Intensive” ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดทางการเงินของคุณได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในประเทศไทยเราจัดมาตั้งแต่ปี 2012

ทีมงาน PAN PHO | ภารกิจของเรา คือ การยกระดับชีวิตด้วยความรู้คุณภาพ  เราคัดสรรความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ที่มีผลลัพธ์  เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมายตลอดเวลาที่ผ่านมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE:@PANPHO หรือ 094-242-4197 (ตลอดเวลา)

โครงการอบรมอสังหาริมทรัพย์ SURE รุ่นที่ 13 Silapakorn University Real Estate เปิดประตูสู่การเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

โครงการอบรมอสังหาริมทรัพย์ SURE รุ่นที่ 13 Silapakorn University Real Estate เปิดประตูสู่การเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ในวงการธุรกิจอสังหาฯ หากคุณเริ่มต้นดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง!

หากท่านใดที่มองเห็นโอกาสในการอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเตรียมตัว และเริ่มต้นอย่างไร ไปฟังเสียงยืนยันผลลัพธ์หลังเข้าร่วมโครงการอบรมอสังหาริมทรัพย์ Silapakorn University Real Estate รุ่นที่ 13 ในคลิปนี้ได้เล้ย!

หลักสูตรสำคัญที่จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มือใหม่ หากคุณกำลังตามหา ‘หลักสูตรอบรมอสังหาริมทรัพย์’ ที่คุ้มค่าคุ้มราคษและได้ผลลัพธ์จริงในการนำไปปรับใช้ เรามั่นใจว่านี่คือหลักสูตรที่จะตอบโจทย์ได้มากที่สุด

เริ่มต้นก้าวแรกได้อย่างถูกต้องเพื่อคว้าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก่อนใคร มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน 7 สัปดาห์ ที่จะได้เรียนรู้ครบจบทุกมิติอสังหาริมทรัพย์

7 สัปดาห์ ครบจบทุกมิติอสังหาริมทรัพย์
กับหลักสูตรอสังหาฯ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จากหลักสูตร
1.วุฒิบัตรเมื่อจบหลักสูตรตามกำหนด!
2.กระแสและแนวโน้ม
3.ออกแบบและก่อสร้าง
4.การขายและการตลาด
5.บริหารต้นทุนและการกู้ยืม

Silpakorn University Real Estate รุ่น 12
11 พ.ค. – 22 มิ.ย. 6709:00 – 16:30 น. (เรียนทุกวันเสาร์ 7 สัปดาห์)
โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ

#panpho #sure #SilpakornRealEstate #นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ #RECU #NEXTREAL

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก