สรุปเข้มๆ เต็มเล่มกับหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind) โดย T.Harv Eker.
จากหนังสือขายดีตลอดกาลอย่าง ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind) ที่ถูกเขียนโดย T.Harv Eker สู่ 17 วิธีคิดที่ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนธรรมดาที่คุณเองก็สามารถเรียนรู้ได้
ถ้าคุณอยากมีความสำเร็จที่มากขึ้นในชีวิต คุณจะต้องเต็มใจที่จะปล่อยวางวิธีคิดและการเป็นอยู่แบบเก่าๆ ของคุณ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่มาใช้กับชีวิต เมื่อนั้นคุณจะพบกับผลลัพธ์ใหม่ที่ตามมา # #
หนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” (The Secrets of Millionaire Mind) คือ สุดยอดหนังสือพัฒนาตัวเองที่มียอดขายมากกว่า 5 ล้านเล่มทั่วโลกที่บอกเล่าถึงแนวคิดที่ว่า “สิ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จทางการเงินนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากวิธีคิดด้วยกันทั้งสิ้น” ที่ถูกเขียนโดย T.Harv Eker
แต่ก่อนที่ T.Harv Eker จะเขียนหนังสือเล่มนี้ เขาเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหาทางการเงินมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของพ่อเขาได้มาเยี่ยมเขาที่บ้านและให้คำแนะนำที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล นั่นคือ
“ถ้าคุณคิดแบบเดียวกับที่คนรวยคิด และทำแบบเดียวกับที่คนรวยทำ คุณเชื่อไหมว่าคุณเองก็รวยได้เหมือนกัน”
T.Harv Eker ได้ยินดังนั้นแล้ว เขาจึงทุ่มเทเริ่มศึกษาชีวิตและวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินจนเขาค้นพบว่า “จริงๆ แล้วคนรวยส่วนใหญ่มักมีวิธีคิดทางการเงินที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก”
เขาจึงนำความรู้ที่เขาได้ใข้เวลาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความคิดของคนที่ประสบความสำเร็จมาลงมือทำในชีวิตจริงด้วยการยืมเงินจากบัตรวีซ่าจำนวน 2,000 ดอลลาร์มาสร้างธุรกิจฟิตเนสจนสามารถขยายกิจการไปถึง 12 สาขาทั่วทวีปอเมริกาเหนือและขายไปในราคา 1.75 ล้านดอลลาร์ (63 ล้านบาท)
และทั้งหมดเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น!!
เขาทำได้อย่างไร? ทั้งหมดล้วนเกิดจากวิธีคิดทางการเงินที่ T.Harv Eker ได้เรียกมันว่า “แผนผังทางการเงิน” (Money Blueprint) ที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรม ทัศนคติ และวิธีคิดที่เราทุกคนมีต่อเงิน
เราอาจเคยเห็นคนที่มีเงินมากมายก่ายกองแต่แล้วก็ใช้เงินจนหมด ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ คนที่ถูกหวยหรือรางวัลใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะถูกเงินรางวัลมากแค่ไหน ส่วนใหญ่พวกเขาจะใช้มันจนหมดและกลับมามีฐานะทางการเงินเท่าเดิม
ในขณะเดียวกัน เศรษฐีหรือเจ้าของธุรกิจที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเองกลับแตกต่างกันออกไป หากคุณสังเกตว่าเมื่อใดที่พวกเขาเกิดสูญเสียเงินเหล่านั้นไป พวกเขาจะหามันกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นกันหล่ะ? เพราะความจริงแล้ว เศรษฐีเงินล้านบางคนอาจเคยสูญเงินไป แต่องค์ประกอบที่นำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จไม่ได้สูญสลายไปด้วย นั่นคือ “วิธีคิด” ของพวกเขานั้นเอง
และในหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” T.Harv Eker ได้สรุปวิธีคิดทางการเงิน 17 ประเด็นสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจคนรวยมากขึ้นว่าทำไมพวกเขาถึงประสบความสำเร็จ (และคุณเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน)
1. คนรวยเชื่อว่า “ฉันกุมชะตาชีวิตของตัวเอง” ในขณะที่คนทั่วไปคิดว่า “ฉันถูกลิขิตมาให้เป็นอย่างนี้”
T.Harv Eker ได้อธิบายถึงความเชื่ออย่างแรกที่คนรวยทุกคนมี นั่นคือ “พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาเป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเงิน” แต่การรอคอยให้ถูกล็อตเตอรี่ก็ไม่ได้เป็นทางที่ดีเท่าไหร่นักในการได้มาซึ่งเงินและความมั่งคั่ง กลับกัน คุณต้องเชื่อว่าสามารถสร้างหนทางสู่ความสำเร็จได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ T.Harv Eker ได้ระบุในหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้านเพิ่มเติมว่าเราจะสังเกตว่าเหตุผลที่คนทั่วไปไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เสียทีเพราะ 3 พฤติกรรมที่ส่งผลเชิงลบให้กับตัวเขาได้แก่
พฤติกรรมที่ 1 : กล่าวโทษ – มักจะโยนความผิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลลัพธ์ของสถานการณ์ คนรอบข้าง หรือแม้แต่โชคชะตา
พฤติกรรมที่ 2 : แก้ตัว – มักจะให้เหตุผลที่ข้างๆ คูๆ เพื่อให้สถานการณ์ดูดีขึ้นและเป็นการบอกโดยนัยว่า “ฉันไม่ผิดนะ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่โดนถามเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ
พฤติกรรมที่ 3 : บ่น – เป็นกลุ่มคนที่คอยพูดแต่เรื่องลบๆ และน่าแปลกตรงที่ยิ่งเขาบ่นมากเท่าไหร่ ปัญหาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น
2.คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อชนะ คนทั่วไปเล่นเกมการเงินเพื่อไม่ให้แพ้
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าคนทั่วไปมักมีแนวคิดทางการเงินเชิงลบ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลว่าเดือนนี้จะมีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายพอไหม? ฉันอยากได้นะแต่ว่าฉันไม่มีเงินหรอก? ในขณะที่คนที่ร่ำรวยมักจะคิดแต่เรื่องหาเงิน เรื่องโอกาส เรื่องความเป็นไปได้ใหม่ๆ นั่นจึงทำให้พวกเขามีกินมีใช้ตลอดเวลา เพราะว่าพวกเขารูัว่าพวกเขาจะหาเงินมาจากไหน
** T.Harv Eker ได้กล่าวว่าการเล่นเกมการเงินให้ชนะ ดูได้ง่ายๆ จากการที่คุณมองเงินว่าเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณ หรือคุณเป็นผู้ที่สามารถพึงพอใจต่อเงินที่คุณมีได้หรือไม่ เขาได้ย้ำอย่างซ้ำไปซ้ำมาในสัมมนา Millionaire Mind Intensive ว่า คนรวยกับคนที่มีเงินนั้นเล่นเกมการเงินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคนที่รวยมักจะมองว่าการเล่นเกมการเงินคือการบริหารจัดการศักยภาพของเงิน/ ความสามารถที่เขามี ในขณะที่คนที่มีเงินมักมองหาโอกาสในการได้เงินโดยไม่สนว่ามันจะขัดกับหลักการ/ ศีลธรรมหรือไม่ ดังนั้นจงระวังให้ดี..
ดังนั้น T.Harv Eker จึงแนะนำให้คุณเลือกว่าคุณจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสุขสบาย พอมีพอกิน หรือว่าจะยังคงเล่นเกมการเงินเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดไปวันๆ ทั้งหมดอยู่ที่คุณเป็นผู้เลือก
3.คนรวยทุ่มเทเพื่อความรวย คนทั่วไปแค่อยากรวย
T.Harv Eker ได้ระบุในหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้านถึงเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ในขณะที่คนที่ประสบความสำเร็จนั้นรู้อย่างแน่ชัดว่าตัวเองต้องการความมั่งคั่ง และจะได้มันมาได้อย่างไร ไม่โลเลไปมา ตราบใดที่ถูกกฎหมาย ถูกศีลธรรม และถูกจรรยาบรรณ
เพราะการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความตั้งใจ ความกล้า ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความพยายามแบบ 100% ในขณะที่คนทั่วไปมักมีเหตุผลดีๆ มากมายว่าทำไมการเป็นคนรวยถึงเป็นสิ่งที่ไม่ดี นั่นจึงทำให้เขาหลีกเลี่ยงที่จะร่ำรวย และคอยให้เหตุผลดีๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่ลงมือทำเสียที
4.คนรวยคิดการใหญ่ คนทั่วไปคิดการเล็ก
T.Harv Eker ได้อธิบายกฎของคำว่า “มูลค่า” ไว้ว่า “ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าในธุรกิจของคุณเพิ่มสูงขึ้นอาศัย 4 องค์ประกอบได้แก่ อุปสงค์ อุปทาน คุณภาพ และ ปริมาณ” ซึ่งวิธีการเดียวที่คุณจะสามารถทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ คือ “ความสามารถในการให้บริการหรือสร้างผลกระทบให้กับคนจำนวนมาก”
การสร้างผลกระทบให้กับคนจำนวนมากอาศัยการทำงานที่หนักและมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้าง นั่นจึงทำให้หลายๆ ครั้งคนทั่วไปไม่กล้าคิดการใหญ่เพราะพวกเขากลัวที่จะล้มเหลวหรือเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้จักศักยภาพที่ตนเองมีอยู่ว่าสามารถช่วยเหลือคนได้มากมายเพียงใด
5.คนรวยคิดมองเห็นแต่โอกาส คนทั่วไปมองเห็นแต่อุปสรรค
T.Harv Eker ได้ระบุในหนังสือถอดรหัสลับสมองเงินว่าล้านคนที่ร่ำรวยมักเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อทุกผลลัพธ์ในชีวิตของตัวเขาเอง และทำสิ่งต่างๆ ด้วยความคิดว่ามันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในความสามารถ ความพยายาม และความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ซึ่งต่อให้มีอุปสรรคเข้ามา เขาก็พร้อมที่จะรับมือ ในขณะที่คนทั่วไปมักคาดหวังผลลัพธ์ในแบบที่ว่า “ถ้ามันสำเร็จก็คงดีสินะ” เพราะเขาไม่มั่นใจและหวาดกลัวต่อความไม่แน่นอนต่างๆ
เคล็ดลับที่ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนทั่วไปนั่นคือการเข้าใจกฎง่ายๆ เพียง 1 ข้อคือ “ลงมือทำมันซะ” เพราะในขณะที่คนมากมายมีไอเดียในการทำธุรกิจแต่ไม่กล้าลงมือทำซะที เพราะว่าในใจลึกๆ พวกเขาก็ “กลัว” ที่จะรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ คนที่ร่ำรวยมักศึกษาและมีแผนการชัดเจนในการเปลี่ยนโอกาสนั้นเป็นผลลัพธ์
6.คนรวยชื่นชมผู้ที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ คนทั่วไปชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ
T.Harv Eker ได้อธิบายว่า “คุณไม่มีทางเป็นในสิ่งที่คุณเกลียด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความมั่งคั่งร่ำรวย เพราะหลายๆ ครั้งเรามักจะชิงชังกับความสำเร็จของคนอื่นๆ รอบตัว ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยทำให้คุณมีชีวิตที่ดีแล้ว การรู้สึกชิงชังจะทำให้คุณห่างไกลจากความร่ำรวยอย่างที่คุณไม่รู้ตัว
ในขณะเดียวกัน การชื่นชมและสรรเสริญในความสำเร็จของผู้อื่นจะเป็นการช่วยฝึกความคิดของคุณให้เปิดรับความสำเร็จอย่างเป็นอัตโนมัติมากขึ้น
7.คนรวยมักจะเลือกคบคนที่มองในแง่บวก ในขณะที่คนทั่วไปมักคบคนที่พูดแต่เรื่องร้ายๆ
T.Harv Eker ได้อธิบายกฎของการคบเพื่อนว่า “หากคุณลองสังเกตให้ดีว่า คนที่ร่ำรวยมักจะคบเพื่อนที่คอยผลักดันด้วยคำพูดดีๆ และมองความสำเร็จของคนอื่นเป็นเหมือนเครื่องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ในขณะที่คนทั่วไปมักเห็นความสำเร็จของผู้อื่นเป็นเรื่องสนุกในการนินทาหรือล้อเลียน”
และในขณะเดียวกัน วิธีรวดเร็วและง่ายดายที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งนั้นอยู่ที่การคบเพื่อน เพราะว่าวิธีคิดการที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งคือการเรียนรู้จากคนรวยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเขาเล่นเกมการเงินอย่างไรถึงจะชนะ มีวิธีคิดอย่างไร และมุมมองที่เขามองในการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตของพวกเขา
8.คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าคนรวยนั้นเป็นนักโปรโมทตัวยง พวกเขาเต็มใจที่จะขายสินค้า โปรโมชั่น หรือไอเดียของเขาอย่างไม่เขินอาย มากไปกว่านั้น พวกเขาคือคนที่เชี่ยวชาญในการนำเสนอคุณค่าของตัวเองด้วยวิธีคิดการที่แสนดึงดูดใจ เพราะไม่มีผู้นำหรือคนที่ประสบความสำเร็จคนไหนจะสามารถยิ่งใหญ่ได้หากขาดการโปรโมท ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ธุรกิจ กีฬา ฯลฯ เพราะพวกเขาทุกคนเชื่อมั่นว่าคุณค่าที่เขามีสามารถแบ่งปันให้กับผู้คนได้
ในขณะที่คนทั่วไปเกลียดและกลัวกับการโปรโมทตัวเอง โดยส่วนใหญ่แล้ว เหตุผลที่พวกเขาเกลียดและไม่ชอบการโปรโมทนั้นเป็นเพราะเขาไม่เชื่อในคุณค่า สินค้า และตัวเขาอย่างแท้จริง เพราะหากคุณเชื่อมั่นว่าคุณสามารถช่วยเหลือพวกเขา มันก็ไม่มีข้อสงสัยใดที่จะขวางคุณจากการทำให้คนอื่นๆ รู้จักคุณ
9.คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนทั่วไปมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าทุกชีวิตล้วนแล้วแต่มีปัญหาที่จะต้องแก้ จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่สำหรับคนที่ร่ำรวยแล้ว พวกเขามักจะมุ่งความสนใจไปกับวิธีการแก้ปัญหามากกว่าการสนใจและกังวลกับปัญหา ในขณะที่คนทั่วไปมักโอดครวญกับปัญหาที่มีอยู่และเสียเวลาไปกับความรู้สึกหงุดหงิดและการพร่ำบ่น
จงจำไว้ว่า ไม่มีปัญหาใดใหญ่เกินกว่าใจของคุณ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยตระหนักดีว่าการแก้ปัญหานั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าพวกเขาอยากจะเติบโต และยิ่งพวกเขาเติบโตนั้นก็หมายถึงจำนวนเงินที่มากตามไปด้วย
10.คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนทั่วไปเป็นผู้รับที่ยอดแย่
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าหลายครั้งที่คนเรามักรู้สึกดีที่เป็นผู้ให้ แต่มักจะมีความรู้สึกตรงกันข้ามเมื่อพวกเขาเป็นผู้รับ นั่นเป็นเพราะหลายๆ ครั้งที่คนเรารู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือไม่คู่ควรที่จะได้รับ หรืออาจจะคิดไปในอีกทางเลยนั่นก็คือ พวกเขาสบายใจมากกว่าที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
ซึ่งในโลกของการเงินและความร่ำรวยแล้ว การเป็นผู้ให้และผู้รับที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเป็นผู้รับที่ดีจะทำให้คุณได้รับมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นการตอกย้ำว่าคุณพร้อมที่จะโอบรับเงิน ชื่อเสียง และหลายๆ อย่างที่คนรอบตัวพร้อมที่จะให้คุณ
11.คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน คนทั่วไปเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าหากเราสังเกตคนที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้คุณค่าและความเชี่ยวชาญของตัวเองในการแลกกับผลตอบแทน ในขณะที่คนทั่วไปเลือกที่จะเอาเวลาของตนเองแลกกับเงิน เพราะคนรวยทุกคนตระหนักว่าเวลาของเราทุกคนมีจำกัด
ดังนั้นแล้ว หากคุณกำลังมองหาความมั่งคั่ง คำว่าความมั่นคงอาจจะไม่ใช่คำที่เหมาะสมกับคุณเสมอไป เพราะความสำเร็จทุกอย่างล้วนต้องลงมือทำและมีความเสี่ยง ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นคนที่ขายเวลาตัวเองแลกกับเงินหรือคุณจะใช้ความสามารถและผลงานของคุณแลกกับความมั่งคั่ง
12.คนรวยเลือกทั้งสองทาง คนทั่วไปเลือกทางใดทางหนึ่ง
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าการคิดถึงความเป็นไปได้ที่มากกว่า 2 ทางมีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่การบอกว่า “ระหว่างเงินกับความสุข ความสุขนั้นสำคัญกว่า” ซึ่งนั่นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ เพราะคุณเองก็รู้ว่าคุณสามารถมีได้ทั้งความสุขและเงิน เพียงแต่คุณจะต้องมีการบริหารจัดการที่รอบคอบ
ดังนั้นแล้ว จงปล่อยวางความคิดที่จะเลือกแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง และมุ่งมั่นกับความตั้งใจที่จะมีทั้งสองอย่าง หากคุณรู้สึกว่ามันยาก เป็นเพียงแค่คุณไม่เคยทำหรือไม่มีประสบการณ์เท่านั้น ให้ทดลองลงมือทำช้าๆ อย่างรอบคอบ
13.คนรวยสนใจมูลค่าทรัพย์สิน คนทั่วไปสนใจแค่รายได้จากการทำงาน
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้วัดจากเงินที่เราหาได้ แต่เกิดจากมูลค่าทรัพย์สินเช่น หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ มูลค่าของธุรกิจ หักลบกับหนี้สิน จึงจะได้ความมั่งคั่งสุทธิ ซึ่งมีองค์ประกอบด้วยกัน 4 อย่างดังนี้ 1. รายได้ (Active Income) 2. เงินเก็บ (Saving) 3. การลงทุน (Investment) 4. การมีชีวิตที่เรียบง่าย (Simplify)
เพราะหลายครั้งที่คนทั่วไปมักใช้จ่ายเงินและมีข้ออ้างกับตัวเองว่า “เดี๋ยวสิ้นเดือนก็มีเงินเข้ามาใหม่” ในขณะที่คนรวยให้ความสำคัญมากกับการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งสุทธิของตนเอง
14.คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนทั่วไปเก่งเรื่องบริหารเงินแบบผิดๆ
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าคนรวยไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ทำให้คนรวยประสบความสำเร็จทางการเงินเป็นเพราะเขาบ่มเพาะนิสัยและทักษะการบริหารจัดการเงินก้อนเล็กๆ ก่อนที่จะมีเงินก้อนใหญ่ ในขณะที่คนทั่วไปมีการบริหารจัดการเงินที่ย้ำแย่และไม่มีทิศทาง
ทั้งนี้ T.Harv Eker ได้แนะนำวิธีการบริหารจัดการเงินที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกที่เรียกว่า “ทฤษฎี 6 กระปุก” โดยแบ่งออกได้ดังนี้
กระปุกที่ 1: กระปุกแห่งการออมระยะยาว 10% (Long Term Saving Jar) – ไว้สำหรับเก็บเงินสดเพื่อไว้เป็นสภาพคล่องให้กับตนเอง
กระปุกที่ 2: กระปุกแห่งอิสรภาพทางการเงิน 10% (Financial Freedom Jar) – ไว้สำหรับนำเงินไปลงทุนในการสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความสุทธิมั่งคั่งให้กับตัวเอง
กระปุกที่ 3: กระปุกแห่งความสุข 10% (Play Jar) – ไว้สำหรับนำเงินไปใช้ซื้อประสบการณ์ ความสุข พาตัวเองไปเที่ยว พักผ่อน และใช้ซื้อในสิ่งที่ตนเองต้องการ
กระปุกที่ 4: กระปุกแห่งความจำเป็น 55% (Neccessities Jar) – ไว้ใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่ว่าจะเป็นอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเรียนลูก ฯลฯ
กระปุกที่ 5 : กระปุกแห่งการเรียนรู้ 10% (Education Jar) – ไว้สำหรับทำนำไปใช้ซื้อหนังสือ คอร์สสัมมนา เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถให้กับตัวคุณเอง
กระปุกที่ 6 : กระปุกแห่งการแบ่งปัน 5% (Give Jar) – ไว้สำหรับแบ่งปันให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ การกุศล และให้กับคนที่ด้อยโอกาสเพื่อฝึกให้ตนเองรู้จักแบ่งปันกับผู้อื่น
15. คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนทั่วไปทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าการทำงานหนักคือกุญแจสู่ความความสำเร็จ แต่การใช้เงินทำงานหนักให้กับคุณก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในขณะที่หลายคนใช้เงินไปกับการซื้อของที่อยากได้ ใช้จ่ายเพื่อให้ได้กินอาหารแพงๆ มีไลฟ์สไตล์ที่โก้หรู คนที่ร่ำรวยมักจะมองเงินของพวกเขาเป็นดั่ง “เมล็ดพันธุ์” ที่สามารถงอกเงยเป็นความมั่งคั่งให้กับเขาได้ในอนาคต
ในสัมมนา Millionaire Mind Intensive ของ T.Harv Eker นั้นได้ชี้ชัดถึงความสำคัญของ “เงินทุกบาท” ว่ามีความสำคัญในการสร้าง “ห่านทองคำ” ที่คอยทำหน้าที่ในการผลิต “ไข่ทองคำ” เพื่อในที่สุดคุณจะสามารถหมดกังวลเรื่องรายได้ของคุณ
16.คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนทั่วไปปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีความกลัวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเงินหลักร้อยหรือหลักพันล้าน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกันคือความสามารถในการบริหารจัดการกับความกลัว หลายครั้งที่คนส่วนใหญ่มีไอเดียดีๆ แต่ไม่ลงมือทำเพราะหวาดกลัวและกังขากับความเป็นไปได้ ในขณะที่คนรวยมักมุ่งไปข้างหน้าและลงมือทำ ทั้งๆ ที่พวกเขาเองก็กลัวและกังขา
แต่ในความเป็นจริงนั้น คนที่ร่ำรวยทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความกลัวนั้นเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เพียงแต่ในแง่ของความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสุขของคุณด้วย เพราะฉะนั้น หนึ่งในข้อแตกต่างที่ชัดเจนมากที่สุดระหว่างคนที่ร่ำรวยและคนทั่วไปคือ คนรวยเต็มใจที่จะลงมือทำแม้จะหวาดกลัว ในขณะที่คนทั่วไปมักลงเอยด้วยการนั่งรอความสำเร็จ
17.คนรวยเรียนรู้และเติบโตอยู่ตลอดเวลา คนทั่วไปคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว
T.Harv Eker ได้อธิบายว่าจุดที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงจากคนที่ทำอะไรก็ล้มเหลวจนสามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาเพียง 18 เดือนคือการที่เขาเปลี่ยนชุดความคิดในหัวว่า “ฉันรู้ดีทุกอย่าง” เป็น “ฉันพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง” เพราะเขาตระหนักว่าวิธีเดียวที่จะทำให้คุณมีเงินตามต้องการนั้นคือการเรียนรู้วิธีในการเล่นเกมการเงินทั้งภายในและภายนอก ไมว่าจะเป็นทักษะ กลยุทธ์ในการเร่งรายได้ รู้วิธีการบริหารจัดการเงิน และนำไปลงทุนให้เกิดผล
ข่าวดีคือความสำเร็จเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้ คุณสามารถเรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จได้ในทุกๆ เรื่อง ถ้าคุณอยากเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี คุณก็ต้องเรียนรู้และฝึกฝน ถ้าหากคุณอยากเป็นนักเปียโน คุณก็ต้องเรียนรู้และฝึกฝนการเล่นเปียโน และเรื่องเงินก็เช่นกัน ถ้าหากคุณอยากเป็นคนรวย คุณก็ต้องฝึกฝนการบริหารจัดการเงิน
ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่เกิด ทุกคนที่ประสบความสำเร็จล้วนเคยล้มไม่เป็นท่ามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีระดับโลก นักกีฬาโอลิมปิก นักลงทุน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีวันร้ายๆ ของตัวเอง แต่คำถามคือ คุณจะให้ความล้มเหลวนั้นหยุดคุณ หรือคุณตั้งมั่นแล้วว่าคุณจะเป็นฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องที่คุณต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของเงิน
เป็นอย่างไรกันบ้าง คุณได้เรียนรู้อะไรจากวิธีคิดทั้ง 17 อย่างนี้บ้าง? เราเชื่อเลยว่าอย่างน้อยคุณอาจจะเริ่มเอะใจในความคิดและการกระทำของตนเองในอดีตหรือปัจจุบันหรือไม่? หากคุณเริ่มมีความคิดหรือความรู้สึกบางอย่างที่มันแปลกไปจากเดิม ผมอยากจะเตือนคุณว่า “นี่แหละคือโอกาสที่คุณจะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ”
คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าชีวิตถูกลิขิตด้วยชาติกำเนิด การศึกษา หรือความโชคดี.. แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างในชีวิตคุณขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณคิดหรือมองโลกนี้ มองโอกาสที่ผ่านเข้าและออกจากชีวิตคุณ มองคนรอบตัว ดังนั้นผมจึงอยากจะขอเชิญชวนคุณมาเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคุณใน 3 วัน..
T.Harv Eker มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและธุรกิจสู่ความสำเร็จอีกระดับ แต่การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวไม่ได้การันตีความสำเร็จให้กับคุณ ด้วยเหตุนี้ T.Harv Eker จึงสร้างหลักสูตรสัมมนาเข้มข้น 3 วันที่ชื่อ “Millionaire Mind Intensive” ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดทางการเงินของคุณได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในประเทศไทยเราจัดมาตั้งแต่ปี 2012
ทีมงาน PAN PHO | ภารกิจของเรา คือ การยกระดับชีวิตด้วยความรู้คุณภาพ เราคัดสรรความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ที่มีผลลัพธ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมายตลอดเวลาที่ผ่านมา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE:@PANPHO หรือ 094-242-4197 (ตลอดเวลา)